อาสาสมัครผู้ปฏิบัติกิจแห่งพระโพธิสัตว์













อ. ประภาภัทร นิยม เคยกล่าวถึงความประทับใจในฉือจี้ไว้นานแล้ว สมาชิกจิตวิวัฒน์หลายท่านก็เพิ่งเดินทางกลับจากการไปเยี่ยมชมมูลนิธิฉือจี้ที่ไต้หวัน เลยเป็นโอกาสอันดี ที่อ.ประภาภัทร และกลุ่มจิตวิวัฒน์ ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องประสบการณ์จากฉือจี้ – องค์กรสาธารณประโยชน์ที่มีอาสาสมัครต้องลงชื่อต่อคิว รอรับเข้าทำงานจำนวนนับแสนคน

ฉือจี้ก่อตั้งมากว่า ๔๐ ปี เป็นองค์กรพุทธที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทำงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ประกอบด้วยงานหลัก ๔ ส่วน ได้แก่ การช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก การศึกษา การสื่อสารความดี และโรงเรียนแพทย์

ในปีค.ศ. ๑๙๙๑ ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งฉือจี้ได้รับรางวัลแมกไซไซ ซึ่งถือว่าเป็นโนเบลของเอเชีย องค์กรฉือจี้ได้รับการยอมรับและเชื่อถืออย่างสูงในประเทศ มีโครงสร้างอาสาสมัครที่น่าสนใจ การทำงานอาสาสมัครของฉือจี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อแบบมหายาน ว่าเป็นภารกิจแห่งพระโพธิสัตว์ การศึกษาก็เน้นการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมเป็นพื้นฐาน ควบคู่ไปกับสุนทรียภาพแห่งการดำเนินชีวิต มีสถานีโทรทัศน์ทำหน้าที่สื่อสารเรื่องของการทำความดีโดยเฉพาะ โรงเรียนแพทย์ฉือจี้ก็เปิดมิติใหม่ของการแพทย์ที่มีหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์

ผู้ก่อตั้งฉือจี้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ปรมาจารย์เจิ้งเหยียนมีศรัทธาปศาทะในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่อายุย่างเข้าสู่วัยหนุ่มสาว ท่านสละความเป็นผู้ครองเรือนสู่เพศบรรพชิต เป็นพระภิกษุณีตั้งแต่อายุได้ยี่สิบปีเท่านั้น และดำเนินชีวิตอย่างสงบเรียบง่าย แสวงหาครูบาอาจารย์ ปลีกตัวไปบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่นาน ก่อนที่จะก่อตั้งมูลนิธิ

เรื่องราวของมูลนิธิก็เริ่มอย่างเรียบง่าย เมื่อวันหนึ่งท่านเดินทางไปเยี่ยมลูกศิษย์ที่เจ็บป่วย เมื่อเห็นความทุกข์ยาก ท่านก็รวบรวมลูกศิษย์ลูกหา ให้ช่วยกันบริจาคเงินไปช่วยผู้ที่ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน จากนั้นก็ขยายกลุ่มมากขึ้น

หลักการสำคัญของการดำเนินการเรื่องบริจาคก็คือ การสร้างความมีส่วนร่วม และทำให้เป็นเรื่องง่าย ท่านถือว่าไม่จำเป็นต้องบริจาคมากมาย วันละห้าสิบสตางค์ไต้หวันก็พอ ในหมู่บ้านจะมีกระบอกไม้ไผ่แขวนไว้ ให้คนมาหยอดวันละนิดละหน่อย ทำให้เห็นว่าคนเล็กคนน้อยก็สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้โดยไม่ยากลำบากนัก เป็นเรื่องที่ทำได้ทุกวัน และเป็นอุปายโกศลในการปลูกฝังความกรุณา

เรื่องความมีส่วนร่วมนี้มีความสำคัญยิ่งกว่ายอดเงินบริจาคเสียอีก ดังที่เคยมีเศรษฐีจะบริจาคเงินสร้างโรงเรียนแพทย์ให้ในคราวเดียว ท่านเจิ้งเหยียนกลับปฏิเสธ เพราะมุ่งให้คนร่วมบริจาคจำนวนมาก แม้จะเป็นคนละเล็กละน้อยก็ตาม ถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่เยี่ยมยอด เพราะทำให้ผู้คนจำนวนมากหลายรู้สึกว่าเป็นเจ้าของโรงเรียนแพทย์ร่วมกัน และเป็นกำลังใจสนับสนุนในการทำความดีต่อเนื่องในระยะยาว

ต่อมาท่านมองว่า การปลูกฝังให้คนมีความเมตตากรุณา ไปช่วยเหลือผู้อื่น จำต้องทำตั้งแต่เล็ก จึงคิดถึงเรื่องการศึกษา ท่านก็ริเริ่มให้ทำโรงเรียนฝึกหัดครูก่อน และมีความพิถีพิถันทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกคน การสร้างสถานที่ อาคาร สิ่งแวดล้อมด้วยความงามอันประณีต เครื่องแบบสีสะอาดสะอ้านสบายตา การศึกษาแบบฉือจี้ก็เน้นสุนทรียภาพ เพราะเชื่อว่าการรู้จักความดีและความงามจะทำให้สามารถแยกแยะความดีความชั่วได้ ถือเป็นพื้นฐานของการสร้างคุณธรรมจริยธรรม บุคลากรฉือจี้จะมีอากัปกิริยาที่ละเมียดละไมมาก

กระบวนการสื่อสารก็เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมแบบฉือจี้ ชุดภาษาที่ใช้มีลักษณะเฉพาะตัว งดงามและเรียบง่าย กล่อมเกลาโน้มนำให้ไปสู่การภาวนาอยู่ตลอดเวลา ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศจำต้องช่วงชิงพื้นที่สื่อในการสื่อสารเรื่องของความดี ฉือจี้จึงทำสถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายขึ้นมาเป็นของตัวเอง มีนิตยสารฉือจี้ พิมพ์หนังสือ ทำเว็บไซต์ เราสามารถดูท่านปรมาจารย์เทศน์แบบออนไลน์ได้ และมีการประชุมทางไกลร้อยโยงการทำงานของเครือข่ายต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ยังมีการสื่อสารผ่านอวัจนภาษา ซึ่งสำคัญมาก เพราะผลแห่งการปฏิบัติภาวนาจะปรากฎอยู่ในเนื้อในตัวของผู้ปฏิบัติอย่างเด่นชัด กิริยาเดินเหินจะนุ่มนวล มีความนอบน้อมถ่อมตน และมีจิตอาสาพร้อมช่วยเหลือผู้อื่น สถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายเอง ก็จะทำการถ่ายทอดสดการทำความดีของอาสาสมัคร อยู่เกือบตลอดเวลาทีเดียว

ในเรื่องของการแพทย์นั้น มีทัศนะที่ตรงข้ามกับการแพทย์แบบตะวันตกอยู่หลายประเด็นพอควร ไม่ว่าจะเป็นการให้นักศึกษาแพทย์ไปเรียนรู้ทำความรู้จักกับผู้ที่บริจาคร่างกายก่อนตาย หรือทัศนะเรื่องการอุทิศตนแบบพระโพธิสัตว์ ทำให้มีการยกย่องแพทย์ว่าเป็น “ต้าอี้หวัง” พระไภสัชยคุรุ ราชาแห่งแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ และมองว่าผู้ป่วยทุกคนก็มีเมล็ดพันธุ์แห่งพระโพธิสัตว์เช่นเดียวกัน ทำให้ปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพเท่าเทียมกัน

การตีความทางศาสนาก็แนบสนิทกับการทำงานอย่างหลากหลาย เป็นต้นว่า อาสาสมัครที่มารวมตัวกันก็เปรียบได้กับพระโพธิสัตว์พันกร พระโพธิสัตว์อย่างกวนอิม ที่แปลว่า เห็นเสียง ก็คือต้องมีจักษุปัญญาเห็นความทุกข์ยากของผู้คน
บุคลาธิษฐานเรื่องพระโพธิสัตว์นั้นถือว่าเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่สำคัญ และแฝงกำกับอยู่ในทุกกิจกรรมของฉือจี้ เมื่ออาสาสมัครปฏิบัติกิจแห่งพระโพธิสัตว์ เขาหรือเธอจะต้องเล่าให้คนอื่นฟัง การลงมือปฏิบัติทำให้ทุกคนผ่านประสบการณ์จริง เกิดเป็นจุดเปลี่ยนผ่าน มีแง่มุมให้เล่าหลากหลาย มีความชื่นชมเป็นผลสะท้อนกลับ การเล่าเรื่องนี้เป็นการปลูกฝังคุณธรรมในตัว เมื่อทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมเกิดเป็นพลังสำคัญกว้างขวาง

หลังจากอ.ประภาภัทร และหมอโกมาตร ผลัดกันเล่าอย่างออกรส ก็ช่วยกันวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตถึงที่มาของฉือจี้ ในบริบทของวัฒนธรรมและการเมือง

หมอโกมาตรอรรถาธิบายว่า ศาสนาพุทธในไต้หวันถูกกดไว้มาก ไม่ว่าจะด้วยกฎหมาย และค่านิยมที่ชาวจีนไม่อยากให้ลูกชายออกบวช การขับเคลื่อนพุทธศาสนาจึงตกอยู่ในมือของพระภิกษุณี ปรากฏการณ์ฉือจี้มองอีกทางหนึ่ง ก็อาจเป็นการต่อรองทางการเมือง ของไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่ ธงของไต้หวันไม่อาจไปโบกสะบัดในดินแดนอื่นได้อย่างสะดวกใจด้วยนโยบายจีนเดียว แต่หากเป็นอัตลักษณ์ของฉือจี้ ไต้หวันก็พอจะมีที่ทางในเวทีนานาชาติได้ แม้จะในรูปแบบขององค์กรการกุศลก็ตาม อย่างไรก็ดี ท่าทีของฉือจี้ต่อการเมืองนั้นกลับเป็นท่าทีที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และอาจเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ทำให้องค์กรหยั่งรากลึกในสังคมได้ยาวนานถึงสี่สิบกว่าปี

ในส่วนของการวางตัวต่อปัญหาสังคมนั้น อ.ประภาภัทรเสริมว่า สื่อของฉือจี้ก็นำเสนอสถานการณ์โลกด้วย แต่ปราศจากท่าทีในการวิพากษ์ผู้อื่น หากเน้นการตั้งคำถามต่อตนเอง ว่าควรทำอะไรบ้าง

ช่วงท้ายของการแลกเปลี่ยน หมอโกมาตรตั้งข้อสังเกตไว้ ๒ ประเด็น

หนึ่ง เรื่องอหังการ ในการทำงานยังเน้นย้ำอัตลักษณ์ของฉือจี้อยู่มาก

สอง เรื่องการจัดการปัญหาและวิธีการทำงานซึ่งใช้ศรัทธาเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ
จุดเด่นของฉือจี้เห็นจะเป็นเรื่องธรรมาภิบาล ความโปร่งใสในการทำงานของฉือจี้ได้รับการยอมรับอย่างสูง จึงได้รับการสนับสนุนค่อนข้างมาก

จุดด้อยเห็นจะเป็นเรื่องการไม่แตะต้องกับปัญหาเชิงโครงสร้างในสังคม


ฉือจี้เป็นกัลยาณมิตรหนึ่งของจิตวิวัฒน์ ที่ได้ทุ่มเทสร้างทำด้วยความศรัทธาในรูปแบบของตัวเอง เราอาจเรียนรู้จากฉือจี้ได้ในบางอย่าง แต่มิติทางจิตวิญญาณก็ต้องมีพื้นที่ปฏิบัติการทางสังคม ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องช่วยกันสืบค้นขยายพื้นที่ความรู้ออกไปให้กว้างขวางอีก

One Comment

vipassana กล่าวว่า...

VDO Silent Mentor

Part 1
http://video.mthai.com/player.php?id=10M1212892748M0

Part2
http://video.mthai.com/player.php?id=10M1212895205M0

Back to Top