“อุดมการณ์” ไม่ใช่คำที่พูดกันพล่อยๆ

โดย ศ.สุมน อมรวิวัฒน์
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 27 ตุลาคม 2550

ในช่วงเวลาที่มีความแปรผันและความสับสนวุ่นวายทางการเมือง ขณะนี้ เราได้เห็นความพยายามของคนหลายจำพวก ทั้งที่เป็นผู้บริหารระดับสูง นักวิชาการระดับเซียน นักการเมืองรุ่นเก่าแก่ นักการเมืองรุ่นใหม่ กลุ่มการเมืองหัวก้าวหน้า กลุ่มปกป้องรักษาประชาธิปไตย ผู้คนสารพัดกลุ่มต่างก็พากันตั้งพรรคตั้งประชาคม รวบรวมไพร่พลเป็นกลุ่มใหญ่ ยึดโยงกันไว้ด้วยความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ทางความสำนึกในบุญคุณ ทางอำนาจเงิน และที่กล้าพูดออกมาก็คือ ทุกคนมาอยู่ร่วมกันเพราะร่วมอุดมการณ์เดียวกัน

น่าประหลาดใจ ที่ได้เห็นคนหมู่หนึ่งมารวมตัวกันเพราะอุดมการณ์ตรงกัน แค่เพียง ๓ วัน ๗ วัน ก็ไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กันได้เสียแล้ว กลุ่มคนที่เคยยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยจนกล้าต่อสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลก บัดนี้ เขาก็ยังมีชีวิตอยู่และร่วมหัวจมท้ายกับคนที่ยกย่องเผด็จการ

ผู้เขียนไม่อยากให้บทความจิตวิวัฒน์ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากนัก ความประสงค์ที่แท้จริงก็คือการค้นหาคำตอบว่า อุดมการณ์คืออะไรในแง่ของชีวิตและการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม

พิจารณาจากพระโอวาทปาฏิโมกข์ซึ่งมองในด้านหนึ่งจัดได้ว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา

พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมในวันมาฆบูชา แก่พระสงฆ์สาวก ๑,๒๕๐ รูปที่มาเฝ้าพระองค์พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พระโอวาทปาฏิโมกข์ถึงพร้อมสมบูรณ์ด้วยอุดมการณ์ หลักการคำสอน และวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาซึ่งเน้นในพระธรรมวินัย

พระคาถาบทแรกใน ๓ บทของพระโอวาทปาฏิโมกข์ เป็นอุดมการณ์สูงสุดของชีวิต ว่าด้วยขันติ (ความอดทน) และนิพพาน

นิพพานไม่ใช่การเสพสุขบนสวรรค์ และผู้ที่จะเข้าถึงอุดมการณ์อันเป็นจุดหมายสูงสุด ก็สามารถบรรลุได้ในชาตินี้ ไม่จำเป็นต้องตายก่อนจึงจะไปสู่นิพพาน

พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) อธิบายไว้ในหนังสือพุทธธรรม สรุปได้ว่า นิพพานเป็นจุดหมายสูงสุดในชาตินี้ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่จำกัดชนชั้นหญิงชาย เป็นภาวะที่มนุษย์สามารถประจักษ์แจ้งได้ ถ้าเพียรพยายาม ทำตัวให้พร้อมพอ ก็ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า ชาวพุทธที่ต้องการบรรลุอุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา จึงต้องละเว้นความชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และฝึกพัฒนาจิตให้ผ่องใส จนเกิดภาวะทางปัญญา (คือวิชชา) ภาวะทางจิตที่หลุดพ้น เป็นอิสระ (วิมุตติ) และภาวะทางความประพฤติในการดำเนินชีวิต (กรุณา) ที่เป็นไปเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นให้พ้นทุกข์

ผู้เขียนเชื่อว่า การบำเพ็ญเพียรดับกิเลสให้ลดลงจนดับไม่เหลือนั้น เกิดผลที่ดับแล้วสว่าง เป็นความกระจ่างแจ้งที่จิตใจ ปลอดโปร่ง ใสสะอาด มีความสุขสงบประณีตอยู่ภายในตน

อุดมการณ์ไม่ใช่จุดหมายที่เกิดขึ้นและบรรลุถึงได้โดยง่าย ไม่มีใครที่ประกาศอุดมการณ์ขึ้นมาจากการประดิษฐ์ถ้อยคำอันเลิศหรู แล้วเคลือบแฝงด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ใช้อามิสหลอกล่อให้ผู้คนเป็นเหยื่อได้ชั่วครั้งชั่วคราว

ในระดับบุคคล อุดมการณ์เริ่มต้นด้วยความคิดความเชื่อในหลักการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นความคิดที่มีแบบแผน เป็นระบบ ซึ่งเกิดจากแรงจูงใจ หรือสิ่งเร้า ทั้งที่เป็นภาพบวกและภาพลบ

อุดมการณ์เริ่มต้นจากฐานความรู้และความคิด เกิดความตระหนักในความเสื่อมและความเสี่ยงของชีวิต ความตระหนักในคุณค่าและศักดิ์ศรีของเพื่อนมนุษย์ ความตระหนักและศรัทธาต่อการสร้างสันติสุขต่อส่วนรวม ความปรารถนาที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมทุกข์ทั้งมวล

จากความตระหนักนั้น บุคคลได้ใช้ปัญญาตริตรองอย่างลึกซึ้ง เกิดความตั้งใจ เกิดจิตสำนึกที่จะทำงานอย่างพากเพียร อดทนในวิถีทางที่เป็นสัมมาปฏิบัติ เพื่อให้ความคิดความเชื่อที่ถูกต้องนั้นสำเร็จดังประสงค์ กล้าต่อสู้อย่างเข้มแข็งแม้จะถูกต่อต้าน ขัดแย้ง ก็ไม่ยอมท้อถอย

บนเส้นทางแห่งการสร้างสมอุดมการณ์ย่อมมีผู้มองเห็นคุณค่าของการทำงานอย่างสร้างสรรค์ จึงเกิดกลุ่มคนที่คิดดี มีสัมมาทิฏฐิตรงกัน เกิดเป็นอุดมการณ์ของสังคมที่เป็นปณิธานร่วมกัน ทุกคนมีจิตอาสา เสียสละ มุ่งทำงานเพื่อส่วนรวม เสริมพลังกัน ช่วยเหลือประคับประคองกัน เพื่อก้าวไปสู่จุดหมายสูงสุดอย่างเดียวกัน

กลุ่มคนร่วมอุดมการณ์ที่แท้จริง จึงมีจิตสำนึกร่วม พร้อมที่จะเป็นผู้ให้ เป็นผู้อาสาทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ของสังคม ของมาตุภูมิ

กลุ่มคนที่มารวมกันโดยมุ่งหมายเพื่อจะเอา กอบโกยมาเป็นของตัว เพื่อประโยชน์ส่วนตัว กลุ่มคนนั้นมีอุดมการณ์จอมปลอม

เส้นทางไปสู่อุดมการณ์นั้นยาวไกล ต้องพากเพียรทำงานร่วมกันเป็นเวลายาวนาน อุดมการณ์จึงมิใช่เป็นเพียงความหวังหรือความใฝ่ฝัน แต่เป็นความคิดที่ใคร่ครวญแล้ว จิตใจตั้งมั่นแล้ว ทุกคนรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว มุ่งหน้าทำงานร่วมกันไปจนกว่าจะบรรลุจุดหมาย

แม้ว่ารายการอะคาเดมี แฟนเทเชีย จะจบไปแล้วถึง ๔ ฤดูกาล แต่แฟนคลับทั้งหลายคงจะจำเนื้อเพลงที่ AF ทั้งหลายร้องร่วมกันมานานถึง ๔ ปีได้ สร้อยเพลงนั้นได้บอกถึงความใฝ่ฝันของคนหนุ่มสาวนับพันนับหมื่นว่าชีวิตของเขาต้องการอะไร

จะไปเป็นดาวโดดเด่นบนฟากฟ้า
จะไปไขว่คว้าเอามาเหมือนใจฝัน
จะไปให้ถึงปลายทางในวันนั้น
จะเป็นคนดังที่เด่นในแสงไฟ

ผู้เขียนเชื่อว่า ความใฝ่ฝันดังกล่าวไม่ใช่อุดมการณ์ หากแต่เป็นจุดหมายใกล้ๆ ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง มิช้ามินานก็จะเปลี่ยนแปลงไป เพราะความเด่นความดังเป็นเพียงภาพมายา เงินทองที่ท่วมท้นมา ถ้าใช้อย่างขาดสติก็จะสูญหายไป ทั้งนี้เพราะขาดภาวะของวิชชา ภาวะทางจิตอิสระ และภาวะทางการุณยธรรม ดังกล่าวแล้วข้างต้น

พุทธทาสภิกขุได้เขียน “มรดกที่ขอฝากไว้” กล่าวถึงปณิธาน ๓ ประการ ควรแก่ผู้ที่เป็นพุทธทาสทุกคนถือเป็นหน้าที่เพื่อประโยชน์แก่โลก คือ
๑. พยายามทำตนให้เข้าถึงหัวใจแห่งศาสนาของตน
๒. พยายามช่วยกันถอนตัวออกจากอำนาจของวัตถุนิยม
๓. พยายามทำความเข้าใจระหว่างศาสนา

ในมรดกข้อสุดท้าย ท่านพุทธทาสภิกขุได้ประกาศอุดมการณ์ว่า “...ธรรมิกสังคมนิยมเป็นหัวใจของพุทธธรรม หรือของศาสนาทุกศาสนาอย่างที่ไม่มีใครมอง. ลัทธินี้มุ่งประโยชน์ร่วมกัน ทั้งของฝ่ายนายทุนและของฝ่ายกรรมกร, และของสิ่งที่มีชีวิตทุกชนิด กระทั่งสัตว์เดรัจฉาน และแม้แต่ต้นไม้ต้นไร่ โดยถือเอาหลักแห่งการเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เป็นหลักพื้นฐาน...”

พระพรหมมังคลาจารย์ (ท่านปัญญานันทภิกขุ) มีอุดมการณ์ส่วนตัวของท่าน และได้ประกาศสั่งสอนพุทธบริษัทตลอดมาว่า “...งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน ทำงานให้สนุก มีความสุขอยู่กับงาน ชีวิตคืองานบันดาลสุข ทำเพื่อให้ ไม่ใช่ทำเพื่อเอา...”

พระคุณเจ้าได้ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา และมีพุทธบริษัทจำนวนมากปฏิบัติธรรมตามอุดมการณ์ของท่าน

ยังมีฆราวาสจำนวนมากที่ประกาศอุดมการณ์ของชีวิตและการงาน มีผู้ศรัทธาจงรักภักดีเข้าร่วมอุดมการณ์เต็มแผ่นดิน ซึ่งผู้เขียนจะไม่ยกตัวอย่างในบทความนี้ เชื่อว่าผู้อ่านจะสามารถระบุนามได้ นับแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน จนถึงประชาชนชาวบ้านในทุกท้องถิ่นของประเทศไทย

อุดมการณ์จึงมิได้เกิดขึ้นเฉพาะทางการเมืองการปกครองเท่านั้น อุดมการณ์ในชีวิตทั้งที่เป็นของแต่ละบุคคล และกลุ่มมวลชน เป็นอุดมการณ์ร่วม ซึ่งทำให้สังคมมีความเป็นปึกแผ่น มั่นคง สงบสุข เสมอภาค มีความสำคัญยิ่งกว่า

คนมีอุดมการณ์ในชีวิตไม่จำเป็นต้องเรืองอำนาจ เขาอาจเป็นคนเล็กๆ แต่มีจิตใจยิ่งใหญ่ ทำงานไปเงียบๆ เกิดผลงานต่อส่วนรวมยิ่งใหญ่ไพศาล

ผู้เขียนกล้ายืนยันความคิดนี้ เพราะมีพยานที่ประจักษ์ชัดจากหนุ่มสาวที่เคยเป็นศิษย์

เมื่อเขาเหล่านั้นยังเยาว์ เขาเป็นขบถหัวรุนแรงที่รังเกียจการใช้อำนาจเผด็จการ เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งชายหญิงก็ร่วมกันอาสาทำงานตามอุดมการณ์ของเขา ต้องเจ็บปวดพ่ายแพ้ในเหตุการณ์เดือนตุลาคม หนุ่มสาวกลุ่มนี้กลับเข้ามาเรียนต่อจนจบ หลังจากนั้นก็ทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อความอยู่รอดของสังคมไทยตลอดมา จนบัดนี้เขาเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้นำในวงการเล็กๆ

อุดมการณ์ของหนุ่มสาวเหล่านี้ เกิดขึ้น ก่อสานเป็นรูปธรรม ยังคงอยู่เป็นงานต่อเนื่องและสร้างสรรค์แบบอย่างแก่เยาวชนรุ่นต่อไป ผู้เขียนรักและประทับใจอย่างยิ่ง และเป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งที่ทำให้ต้องเขียนเรื่องนี้

คนกร้านโลกทั้งหลายที่กำลังแย่งชิงอำนาจกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกแอบวางแผนอยู่เบื้องหลัง และออกหน้าประกาศอุดมการณ์ชั่วคราวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โปรดตรวจสอบตนเองว่ามีจิตสำนึกเพื่อบ้านเมืองจริงหรือไม่

โปรดอย่าอ้างอุดมการณ์บนฐานอำนาจและเงินตรากันเลย

อุดมการณ์ไม่ใช่คำที่พูดกันพล่อยๆ

Back to Top