โลกใบนี้ไม่สมบูรณ์แบบ



โดย นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ื 14 สิงหาคม 2553

เมื่อถึงฤดูฝน ผืนดินเล็กๆ ไม่ถึงงานหลังบ้านผม จะมีต้นหญ้าชนิดต่างๆ งอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เผลอแผลบเดียวก็เริ่มรู้สึกว่ารกไปแล้ว

แม้ว่าจะเป็นพื้นที่เพียงไม่มากแค่นั้น ผมเคยพยายามตัดหญ้าให้หมดในครั้งเดียว ก็พบว่าต้องใช้เวลาไม่น้อย แถมยังเหนื่อยหอบและเจ็บมือไปหลายวันเลยทีเดียว

ฝนนี้ผมมีไอเดียใหม่-ผมไม่คิดว่าผมจะต้องกำจัดต้นหญ้าเหล่านั้นให้เสร็จภายในวันเดียว หลังบ้านผมไม่จำเป็นจะต้องเรียบแป้แบบทันทีทันใด เพราะถึงจะสามารถถางหญ้าให้เรียบแค่ไหน ไม่กี่วันต้นหญ้าก็จะงอกออกมาใหม่อย่างรวดเร็วเนื่องจากฝนจะตกลงมาเรื่อยๆ

ความเขียวของต้นหญ้าหลังบ้านก็เป็นสิ่งสวยงามอย่างหนึ่งของผมได้ แม้มันจะ “เคย” ถูกให้ความหมายว่าเป็นเพียงวัชพืช

ผมใช้จอบเก่าๆ อันหนึ่งค่อยๆ ถางหญ้าออกทีละนิดๆ แบบถากๆ ผืนดินส่วนใหญ่จะมีหินเกล็ดทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กที่ผมนำมาโรยไว้ การถางหญ้าให้บางที่สุดโดยที่ไม่ตักเอาหินหรือดินให้ออกมามากเกินไป เป็นงานที่ท้าทายไม่น้อยในการลงจอบแต่ละครั้ง

ผมเลือกที่จะถางหญ้าแบบสุ่มๆ ไปเรื่อยๆ คือตรงไหนที่ดูรกหรือมีหญ้าหลายชนิดขึ้นมา ก็ลุยๆ ถางๆ เข้าไปก่อน โดยไม่ได้วางแผนว่าจะถางจากซ้ายไปขวาหรือถางจากขวาไปซ้าย หรือจะต้องให้เสร็จเป็นบริเวณๆ ไป

มือที่จับด้ามจอบก็เริ่มตึง รวมทั้งหัวไหล่ แผ่นอก และลำตัว ยังได้เหงื่อเพิ่มมาอีกเยอะมาก แม้ว่าจะได้ออกกำลังกายตอนเช้าไปแล้ว

วันแรกนั้นผมเก็บหญ้าออกไปได้เยอะมาก เป็นหญ้ากองใหญ่ที่ยัดอย่างแน่นลงถุงดำขนาดใหญ่ได้เต็มๆ เช้าวันที่สองและสาม ผมยังทำแบบเดิมคือค่อยๆ ถางไปเรื่อยๆ ดูว่าดูว่าตรงไหนรกที่สุดเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ก็เข้าไปลุยๆ ถางๆ ได้หญ้ามาอีกวันละกองใหญ่เต็มถุงดำใหญ่

ต้นหญ้าถูกนำไปทิ้งแล้วถึงสามถุงดำใหญ่แต่เมื่อมองไปดูสนามหญ้าที่ถูกถางไปแล้ว ด้วยมือที่เริ่มๆ ระบมพอสมควร ดูๆ แล้วหลังบ้านก็ยังดูมีต้นหญ้ารกๆ เหมือนเดิม

จริงๆ แล้วผมไม่ได้สนใจว่า ต้นหญ้าจะถูกกำจัดไปหมดหรือไม่ ผมเพียงรู้สึกมีความสุขกับการยกด้ามจอบขึ้นๆ ลงๆ กับความปวดเมื่อยนิดๆ กับเหงื่อที่ออกมาหลังจากการถางหญ้าและกับความรู้สึกสบายๆ แบบแปลกๆ หลังการถางหญ้า

วันต่อๆ มา ผมยังคงค่อยๆ ทยอยถางหญ้าอีกวันละนิดละหน่อย โดยที่ไม่ต้องมีเศษหญ้าเต็มถุงเหมือนสามวันแรกและเช้าวันวันหนึ่ง จู่ๆ ผมก็พบว่า “หลังบ้านผมโล่งขึ้นมาก” แม้จะยังมีต้นหญ้ารกๆ อยู่บางจุด

“การมองเห็นความโล่ง” ของหลังบ้านผมเหมือนกับมันเกิดขึ้นแบบทันทีทันใดยังไงไม่รู้

มันเกิดขึ้นเมื่อเราไม่ได้นึกถึงความโล่งสะอาดว่ามันจะต้องเกิดขึ้น

แต่มันก็เกิดขึ้นเองเมื่อเราค่อยๆ ถางหญ้าทีละน้อยๆ โดยไม่คาดหวังว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ถ้าให้คนอื่นๆ มาดูหลังบ้านผมก็อาจจะบอกว่า “มันยังรกอยู่นะ”

อืมมม แล้วไงล่ะ คนๆ นั้นก็คงจะเห็นแบบนั้นตราบเท่าที่เขายังไม่เคยเห็นความรกที่มีอยู่เดิม

การถางหญ้าในครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงงานด้าน “การเรียนรู้ในเรื่องสุขภาพ” ที่ทำกันอยู่กับเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ ในกลุ่มหัวใจใหม่ชีวิตใหม่

ตลอดเวลาร่วมสิบปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่มงานแบบนี้ พวกเราจะถูกถามเสมอว่า “ทำกระบวนการเรียนรู้แบบนี้ไปแล้ว คนจะเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ หรือ และจะเปลี่ยนแปลงได้กี่เปอร์เซ็นต์?”

ตัวผมเองก็เคยติดกับดักนี้ ผมเองเคยฝันว่า ถ้าคนไทยเข้าใจเรื่องสุขภาพแบบใหม่นี้แล้ว คนไทยก็คงจะเป็นคนที่มีสุขภาพดีในระดับแนวหน้าของโลก

เคยฝันว่าจะเกิดสังคมอริยะที่มีแต่ความสงบสุขเรียบร้อยดีงาม

สังคมแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้น

ความสุขคู่กับความทุกข์ ความดีคู่กับความชั่วร้าย ความสะอาดคู่กับความรก

ต้นหญ้าหลังบ้านผมไม่มีทางเรียบเป็นระเบียบได้ตลอดเวลา

สังคมนี้ไม่มีวันเรียบร้อยหมดจดหรอกครับ โลกใบนี้ไม่มีทางสมบูรณ์แบบหรอกครับ

ผมรู้สึกว่า ถ้าอยากจะวัดผล ก็ต้องวัดผลจากต้นหญ้ามากมายที่ถูกกำจัดออกไป ไม่ใช่มาวัดผลด้วยสายตาของคนที่ไม่เคยเห็นหลังบ้านผมแล้วบอกว่า มันยังรกอยู่นะ

ถ้าจะวัดผล ก็ลองวัดจากสิ่งดีงามมากมายที่เกิดขึ้นในสังคมนี้ด้วย ไม่ใช่มาวัดภาพรวมแล้วมองเห็นแค่ว่า สังคมมันเลว สังคมมันแย่ เพียงอย่างเดียว

ในสังคมก็มีสิ่งดีงามมากมายที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ถ้าเราเชื่อและศรัทธา ว่าโลกใบนี้เป็นโลกที่พร้อมจะช่วยเหลือเรา อยากให้มนุษย์บนโลกมีชีวิตที่ดีๆ กันแล้ว สิ่งดีงามเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อให้หลายๆ คนบนโลกใบนี้มีแรงที่จะอยู่ มีแรงที่จะทำเรื่องราวดีๆ กันให้มากขึ้นๆ

ดีกว่าเสียเวลาไปมองภาพรวมๆ แล้วบ่นว่ามันแย่นะ มันยังรกอยู่นะ ปัญหาอาจจะไม่ใช่เรื่องราวของสังคมซะแล้ว ปัญหาอาจจะอยู่ที่วิธีการมองของผู้คนกระมัง มัวแต่มองเห็นความสมบูรณ์แบบ-แบบสวยงามในฝันของตัวเอง

โลกใบนี้ไม่มีวันสมบูรณ์แบบได้แบบนั้นหรอกครับ อย่าไปเสียเวลาฝันถึงหลังบ้านที่สะอาดเป็นระเบียบอยู่เลย ความรกใหม่เกิดขึ้นทุกๆ วัน

กลับมานึกถึงต้นหญ้าที่ถูกถางออกทีละต้นๆ นึกถึงการยกด้ามจอบแต่ละครั้ง ถึงตรงนี้ผมนึกถึงประโยคที่ท่านอาจารย์หมอประเวศ วะสี พูดเสมอๆ ว่า ให้พึงพอใจกับความสำเร็จของงานเล็กๆ ทุกๆ วัน

ช่วยๆ กันยกจอบ ช่วยๆ กันทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้มีความหมายให้มีความสุขให้เอื้อเฟื้อต่อกันและกัน ก็เพียงพอแล้ว

เพราะวันหนึ่งเมื่อคุณเงยหน้าขึ้นมองจริงๆ คุณจะมองเห็นความสวยงามของความโล่งความสะอาดที่อยู่คู่กับความรกรุงรังบางส่วนบนโลกใบนี้ได้

โลกใบนี้สวยงามได้อย่างที่เธอเป็นโดยที่ไม่ต้องการความสมบูรณ์แบบเลย

One Comment

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จิตปรุงแต่ง โลกสมบูรณ์แบบ ไม่สมบูรณ์แบบ เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ธรรมชาติสร้างสมดุลขึ้น แต่จิตเราชอบปรุงแต่ง ไปต่างๆนาๆ สุดท้าย ใจค่ะเสียหาย หาใช่อื่นไม่

Back to Top