แม่มดในโลกสมัยใหม่



โดย ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 5 สิงหาคม 2560

เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคมที่ผ่านมา ดิฉันได้ไปร่วมการเสวนาวิชาการเรื่อง “การยกระดับภูมิปัญญาพิธีงานปีผีมดสู่มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ในวงเสวนา คุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักเขียนผู้มีความรู้ลึกซึ้งในภูมิปัญญาโบราณ ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของแม่มดในสังคมไทย โดยยกหลักฐานอ้างอิงจากเอกสารโบราณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากกฎหมาย ตำนาน วรรณกรรม และตำราดาวในสมุดใบลาน สรุปได้ว่าแม่มดหรือที่เรียกตามคำโบราณเพียงสั้นๆ ว่า “มด” อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ไม่เพียงแต่มีในบ้านเราเท่านั้น ในโลกตะวันตก แม่มดก็ปรากฏมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ คุณนิพัทธ์พรได้ฉายภาพสไลด์ทิ้งท้ายการบรรยาย เป็นภาพแกะสลักหินโบราณในประเทศฝรั่งเศส อายุกว่าสองหมื่นปี ภาพนี้เป็นที่รู้จักกันในนามของ Goddess of Laussel (ดูภาพประกอบ) และบอกว่านี่แหละคือภาพของแม่มดในโลกโบราณ พร้อมกับส่งต่อให้ดิฉันเล่าถึงเรื่องราวของแม่มดในโลกตะวันตก

การเสวนาวันนั้น ทำให้ดิฉันได้ทบทวนประสบการณ์ที่มีกับแม่มด ขณะที่ไปศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาจิตวิญญาณผู้หญิง ที่ California Institute of Integral Studies ในซานฟรานซิสโก ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหัวก้าวหน้าทั้งทางด้านไอทีและด้านการเมืองนี้ ในอีกด้านหนึ่งนับได้ว่าเป็นเมืองหลวงของแม่มดเลยทีเดียว มีแม่มดและพ่อมดจากหลากหลายสายมารวมตัว ใช้ชีวิตเรียนรู้วิถีการปฏิบัติแบบดั้งเดิมร่วมกัน มีกิจกรรมและพิธีกรรมต่างๆ อย่างคึกคักตลอดทั้งปี หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสาขาวิชาที่ดิฉันศึกษาก็คือ Starhawk แม่มดสำคัญคนหนึ่งของโลกตะวันตก ผู้ก่อตั้ง Reclaiming ชุมชนของผู้ปฏิบัติสายแม่มดที่ผนวกวิถีการปฏิบัติเข้ากับการทำงานเปลี่ยนแปลงสังคม ดิฉันยังได้เช่าบ้านอยู่ร่วมกับเจ้าของบ้านซึ่งเป็นแม่มดในกลุ่มของ Reclaiming จึงทำให้มีโอกาสได้รู้จักและเรียนรู้วิถีปฏิบัติของแม่มดในโลกยุคใหม่อย่างใกล้ชิด


หากพูดถึงแม่มดหรือที่ภาษาฝรั่งเรียกว่า Witch แล้ว หลายคนคงนึกถึงหญิงแก่หน้าตาหน้าเกลียด จมูกยาวงุ้ม ใส่ชุดสีดำมีหมวกยอดแหลม ขี่ไม้กวาด ถือลูกแก้ว หรือใช้ไม้พายกวนหม้อต้มใบใหญ่ที่มีส่วนผสมของสัตว์น่าขยะแขยง พร้อมร่ายมนตร์แปลกๆ ใส่ลงไปในหม้อ ภาพของแม่มดดูจะผูกติดกับพลังอำนาจในด้านมืด ที่น่ากลัวและไม่น่าเข้าใกล้ ดิฉันเองก็เคยมีภาพของแม่มดเช่นนี้ก่อนที่จะได้พบเจอและรู้จักพวกเขาจริงๆ การมีประสบการณ์ตรงกับแม่มด ทำให้ดิฉันเห็นภาพที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

แม้ว่าแม่มดจะถูกกวาดล้างและเผาทั้งเป็นในยุโรปเป็นเวลานานกว่า ๓๐๐ ปี (เทียบได้กับสมัยอยุธยาตอนกลางจนถึงต้นรัตนโกสินทร์) จนมีการประเมินว่าจำนวนผู้ถูกฆ่าในข้อหาแม่มดนั้นอาจสูงถึงเก้าล้านคน แม่มดคนสุดท้ายถูกฆ่าในปี ค.ศ. ๑๘๑๑ นี้เอง แต่แม่มดก็ยังคงอยู่ยงคงกระพัน เพราะมีการสืบสายการปฏิบัติอย่างลับๆ ในช่วงเวลาที่ถูกกวาดล้าง และฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในยุคสมัยใหม่ ผู้คนเริ่มกลับมานับถือ “ศาสนาแม่มด” หรือ Wicca กันอย่างเปิดเผยและจำนวนผู้ปฏิบัติมีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในปี ค.ศ. ๑๙๘๖ ศาสนาแม่มดได้รับการยอมรับอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐ ผู้นับถือศาสนานี้ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับศาสนาอื่นๆ มีสายการปฏิบัติมากมายเกิดขึ้น ทั้งที่สืบสายมาจากยุโรปโบราณ และที่เกิดขึ้นใหม่ มีเวิร์คช็อปให้คนไปเรียนรู้วิถีแม่มด มีค่ายแม่มดและพ่อมดจิ๋วสำหรับเด็กๆ ที่เติบโตมาในครอบครัวแม่มด มีเว็บไซต์ เฟซบุ๊กเพจมากมายให้คนได้เข้าไปศึกษา บางคนก็ฝึกปฏิบัติเดี่ยว หลายคนเข้าร่วมกลุ่มปฏิบัติเป็นชุมชน ที่มักจะเรียกกันว่า coven (คำนี้มีรากศัพท์เดียวกับ convent หรือคอนแวนต์ ที่ใช้เรียกการอยู่ร่วมกันของนักบวชหญิงในศาสนาคริสต์)

การปรากฏตัวของแม่มดในสังคมสมัยใหม่ ได้รับการสนับสนุนจากงานวิชาการ โดยเฉพาะทางด้านโบราณคดี ที่ขุดค้นพบรูปเคารพเพศหญิง ดังเช่นรูปของ Goddess of Laussel เป็นจำนวนเรือนแสนในยุโรป ตั้งแต่ยุคหินเก่าตอนปลายจนมาถึงยุคหินใหม่ (จำนวนรูปเคารพเพศชายที่ค้นพบมีเพียง ๑๐% เท่านั้น) งานวิจัยต่างๆ ชี้ให้เห็นว่าเทพที่มนุษย์สมัยแรกนับถือคือเทพที่เป็นผู้หญิงหรือพระแม่เจ้า และผู้ที่ทำพิธีกรรมเชื่อมต่อกับพลังศักดิ์สิทธิ์ในธรรมชาติก็คือแม่มดนั่นเอง และเมื่อนักจิตวิทยาชื่อดังอย่างคาร์ล จุง หันมาวิเคราะห์บรรดาเทพผู้หญิงทั้งหลายให้คนสมัยใหม่เข้าถึงพลังอำนาจฝ่ายหญิงในตัวเองได้ ผู้คนอีกเป็นจำนวนมากก็พากันหลั่งไหลมาสู่ coven

ศาสนาแม่มดเป็นอย่างไร จริงๆ แล้วยากที่จะให้คำจำกัดความ และบางคนก็ไม่อยากใช้คำว่าศาสนาด้วยซ้ำ เนื่องจากแม่มดถูกกดขี่และกวาดล้างจากศาสนาคริสต์มาอย่างยาวนาน แม่มดจึงปฏิเสธโครงสร้างของสถาบันศาสนาที่ใช้อำนาจเหนือกว่า (power-over) กดขี่ผู้อื่น ศาสนาแม่มดเป็นศาสนาที่ไม่มีศาสดา ไม่มีพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีบทบัญญัติจากภายนอกมาบังคับผู้ปฏิบัติ ไม่มีโครงสร้างที่บังคับใช้อำนาจจากบนลงล่าง แต่เน้นพลังอำนาจที่มาจากภายใน (power-within) วิถีการปฏิบัติจะเคารพและสอดคล้องกับธรรมชาติ มีการทำพิธีกรรมในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของฤดูต่างๆ และช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านในชีวิตคน เทพโบราณจากยุโรปทั้งหญิงและชายฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง และได้รับการเคารพในฐานะพลังชีวิตในแง่มุมต่างๆ ทั้งแม่มดและพ่อมดจะเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของเพศหญิงเท่าเทียมกับเพศชาย ซึ่งต่างจากศาสนาหลักของโลก ที่มักให้ความสำคัญกับความเป็นชายมากกว่าความเป็นหญิง แม่มดยุคใหม่ยังคงร่ายเวทมนตร์และสร้างภาพนิมิต แต่พวกเขาใช้หลักจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มาอธิบายศาสตร์โบราณ ว่ามันคือการสร้างพลังงานบวกจากภายใน ในเมื่อวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยืนยันแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกัน พลังจากภายในนี้เองจะส่งผลไปสู่การเปลี่ยนโลกภายนอก แม่มดใช้พลังเช่นนี้ร่วมกับการแพทย์ทางเลือก เช่น ใช้สมุนไพร น้ำมันหอมระเหย หรือโฮมิโอพาธี ทำการเยียวยารักษาทั้งร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณของคนในชุมชน

ในด้านการเปลี่ยนแปลงสังคม จิตวิญญาณของแม่มดที่เคารพธรรมชาติเป็นพระแม่เจ้า (goddess) และใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกับวัฏจักรของธรรมชาติ ส่งอิทธิพลอย่างยิ่งต่อขบวนการสิ่งแวดล้อมและขบวนการสตรีนิยมสายนิเวศน์ งานศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรมต่างก็ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อที่พาจิตวิญญาณของคนหวนคืนสู่แม่ธรรมชาติ สตรีนิยมสายจิตวิญญาณถือกำเนิดขึ้นและวิพากษ์ศาสนาหลักของโลกที่ไม่เคารพจิตวิญญาณของผู้หญิง เกิดการตั้งคำถามต่อสถาบันศาสนาอันทรงอำนาจทั้งหลาย ศาสนาของแม่มดเปลี่ยนแปลงการมองโลกอย่างถอนรากถอนโคน โดยการเปลี่ยนระบบสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ภาพอย่าง Goddess of Laussel อันเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจของผู้หญิงจึงกลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งในโลกสมัยใหม่

Back to Top