มนุษย์จำเป็นต้องมีจิตขนาดใหญ่
เพื่อที่จะบรรจุความเมตตา ความกรุณา
อันไม่มีที่ประมาณไว้ได้
โดย ผศ.ดร.จุมพล พูลภัทรชีวิน
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2549
เราได้ยินผู้บริหารไม่ว่าจะภายในประเทศหรือต่างประเทศ ต่างก็พูดถึงการทำองค์กรของตนให้เป็นองค์กรอัจฉริยะเพื่อให้ทันสมัย แข่งขันได้ และเพื่อเป็นผู้นำในธุรกิจของตนอยู่บ่อยๆ
มีการประชุมชี้แจงภายในองค์กรเพื่อให้พนักงานทุกคนทุกระดับได้รู้ถึงวิสัยทัศน์ พันธกิจ และนโยบายของผู้บริหารที่จะนำพาองค์กรของตนไปสู่ความเป็นเลิศ
มีการจัดอบรมทั้งภายในและมีการส่งบุคลากรไปอบรมภายนอก เพื่อนำความรู้และทักษะทั้งหมดที่ได้รับมาพัฒนาองค์กรเพื่อให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุด
บางแห่งมีการปรับรื้อระบบใหม่ทั้งระบบที่เรียกว่า Reengineering บางแห่งมุ่งพัฒนาคุณภาพผ่านระบบ QC, TQC, TQM และอื่นๆ ที่มาใหม่อยู่เรื่อย เช่น Balance Score Card, JIT, Futuristic Management
มีการเชิญกูรูทางการบริหารชาวต่างชาติมาพูดให้ฟังในราคาที่แพงอย่างไม่น่าเชื่อ
แนวความคิดทางการบริหารและการจัดการใหม่ๆ ที่บรรดากูรูหรือผู้รู้ทางการบริหารเสนอแนะ ถูกนำมาเรียนรู้ เลียนแบบ เพื่อจะได้ “ทันสมัย” หรือ “ทัน”กับความก้าวหน้า
ทั้งหมดที่ทำไปเพียงเพื่อตามให้ทัน ไหลไปตามกระแส เพียงเพื่อจะรู้เท่า แต่ไม่รู้ทันหรือไม่รู้เท่าทันเขา
เครื่องจักรใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับลิขสิทธิ์ราคาแพง มาตรการและมาตรฐานใหม่ๆ ได้รับการพัฒนาและนำเสนอแกมบังคับให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน “สากล” ระดับ”นานาชาติ” ทยอยออกมาเรื่อยๆ
ผู้นำและผู้บริหารประเทศและบริษัทห้างร้านส่วนใหญ่ทั่วโลก ถูกครอบงำด้วยระบบเศรษฐกิจเสรีทุนนิยมอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ระบบการบริหารจัดการ วิธีคิด วิธีทำงานถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองทิศทาง “การค้าเสรี” ของ “ทุนนิยม”ทั้งสิ้น
หนังสือประเภท Know How และวิธีเรียนลัดแบบสำเร็จรูปสำหรับการเป็นผู้บริหารชั้นยอด และการเป็นเศรษฐีในเวลาอันสั้นมีออกมาขายมากมาย เสมือนหนึ่งมีคำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุด
สิ่งที่ไม่ค่อยได้ยินและขาดอย่างมากจากองค์กรธุรกิจ คือเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมขององค์กร ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร การคืนและการสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ให้กับโลก
ภายนอกมีแต่โฆษณาชวนเชื่อ การสร้างภาพพจน์ที่หลอกลวง และเลือนรางจากความดีความมีคุณธรรม
ภายในเน้นระบบบริหารและจัดการที่มุ่งตอบสนองผลประโยชน์ขององค์กร เช่นกำไร การขยายกิจการ ความมั่นคงขององค์กรเป็นหลัก โดยมิได้มีเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility) อยู่ในระบบและกระบวนการบริหาร ไม่ว่าจะในส่วนของปัจจัยป้อนเข้าของระบบ (Inputs) ในส่วนของกระบวนการบริหาร (Processes) ไม่ว่าจะเป็นการวางแผน การจัดโครงสร้างองค์กร การจัดคนเข้าระบบ...และในส่วนของผลผลิต (Outputs) มิต้องพูดถึงเรื่องของ Outcomes และ Impacts
ที่น่าเสียดายและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือ ระบบการศึกษาก็ถูกอิทธิพลของเศรษฐกิจเสรีทุนนิยมเข้ามาครอบงำด้วย ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการกำหนดนโยบายทางการศึกษาของรัฐบาลทุนนิยม
ความสำเร็จและความร่ำรวยของคนส่วนน้อย บนซากที่เสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางธรรมชาติ มลภาวะทางศีลธรรม จริยธรรม สังคมที่เสื่อมทรามลง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเห็นได้ทั่วไป ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยระบบเศรษฐกิจเสรีทุนนิยม
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ผู้นำและผู้บริหารองค์กรธุรกิจทั้งหลายจะเริ่มคิดและทำอย่างจริงจังที่จะพัฒนาองค์กรของตนให้เป็นองค์กรจริยะ แทนที่จะมุ่งเน้นการเป็นองค์กรอัจฉริยะตามแบบอย่างองค์กรกระแสหลักทุนนิยมแต่อย่างเดียว
ระยะนี้ผู้เขียนได้รับเชิญให้ไปบรรยายให้กับองค์กรต่างๆ ค่อนข้างบ่อย หัวข้อที่ได้รับเชิญให้ไปบรรยายก็น่าสนใจและท้าทาย เช่นการสร้างและการพัฒนาจริยธรรมในองค์กร การบริหารตามแนวอนาคตนิยม การสอนงานการพัฒนาบุคลากร... ในทุกหลักสูตรที่ผู้เขียนได้รับเชิญเป็นวิทยากร จะมีการสอดแทรกเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมในการบริหารและการดำเนินธุรกิจเสมอ ด้วยความเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า หากผู้บริหารมีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นฐานและเป็นแกนในการบริหาร จะทำให้คนในองค์กรมีความภาคภูมิใจ เต็มใจ และมีความสุขที่จะทำงานให้กับองค์กรอย่างเต็มที่ นำให้เกิดผลงานที่ดี (Productivity) และมีความพึงพอใจ (Satisfaction) ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คุณธรรมและจริยธรรมจะเป็นแกนกลางและตัวเชื่อมประสานคนในองค์กรให้เป็นหนึงเดียวกันได้เป็นอย่างดี
ในปัจจุบันเริ่มมีองค์กรทางธุรกิจหลายแห่งในโลกประกาศตัวเป็นจริยองค์กรทางธุรกิจหรือที่ผู้เขียนเรียกว่าองค์กรจริยะ เพื่อให้แตกต่างไปจากแนวคิดกระแสหลักที่มุ่งเน้นสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะที่มีฐานของแนวคิดเศรษฐกิจเสรีทุนนิยมเป็นกลไกผลักดัน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระบบตลาดเสรี มีการพัฒนาระบบการบริหาร การผลิต การบริการ...ด้วยการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยราคาแพง เพื่อที่จะได้เป็นองค์กรอัจฉริยะ แต่ละเลยเรื่องความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะละเลยเรื่องคุณธรรมจริยธรรม
ในต่างประเทศมีคำใหม่ที่เรียกองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมว่า Corporate Social Responsibility (CSR) ในเมืองไทยก็เริ่มมีกลุ่ม CSR เกิดขึ้น
นับเป็นนิมิตหมายที่ดี
CSR คืออะไร
CSR คือองค์ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารการจัดการเพื่อก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมโดยภาพรวม มีการดำเนินการกิจกรรมทุกอย่าง อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมไปถึงจิตสำนึกต่อโลก (Global Consciousness)
CSR เป็นองค์กรที่จะต้องตั้งคำถามหลักสองประการเป็นอย่างน้อยในการดำเนินธุรกิจ
๑. คุณภาพของการบริหารจัดการในแง่ของคนและกระบวนการบริหารภายในองค์กร
๒. ธรรมชาติและปริมาณของผลกระทบที่มีหรือที่จะเกิดต่อสังคมในด้านต่างๆ อันเกิดจากการดำเนินกิจกรรมขององค์กร
โดยนัยนี้ความรับผิดชอบต่อสังคม(Social Responsibility) เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการสร้างความอุดมสมบูรณ์ (Wealth Creation Process) ขององค์กร และถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีในเรื่องนี้ องค์กรก็สามารถที่จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ และในขณะเดียวกันก็เพิ่มคุณค่าด้าน Wealthให้กับคนในองค์กรและสังคมได้
CSR จะยึดถือแนวทางในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้อย่างมีความรับผิดชอบ
แสดงความคิดเห็น