สื่อสารกับปัญญาธรรมชาติ





วันจันทร์ที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ที่ผ่านมา กลุ่มจิตวิวัฒน์พูดคุยกันในหัวข้อ นิเวศน์วิทยาแบบบูรณาการ - จากจิตวิญญานท้องถิ่น สู่ตลาดสีเขียว

คุณเดชา ศิริภัทร ผู้อำนวยการมูลนิธิข้าวขวัญ และคุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักเขียนอิสระ เป็นวิทยากรในช่วงเช้า โดยเล่าถึงประสบการณ์ว่าด้วยการสื่อสารกับปัญญาธรรมชาติ ซึ่งในที่นี้ก็คือเทพเจ้าต่างๆ ในธรรมชาตินั่นเอง

กระบวนการติดต่อกับเทพก็คือการปรับคลื่นในตัวเราให้เข้ากับพลังธรรมชาติ ซึ่งอาจจะทำได้ด้วยการปรับจิต หรือทำสมาธิ

คุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้วเองได้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการหัวข้อดังกล่าวมาแล้ว ก็ได้เล่าถึงประสบการณ์ ที่ได้ทำการทดลองติดต่อสื่อสารกับเทพเจ้ากล้วยไม้ เทพเจ้าข้าว เทพเจ้าต้นไทร พระภูมิเจ้าที่ และเทพเจ้าประจำประเทศไทย เป็นต้น

ทั้งนี้ นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ พิธีกรประจำกลุ่ม ได้ขอให้ห้อยแขวนมาตรวัดและวางองค์ความรู้ปรกติออกไปก่อน

ส่วนอาจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ ก็ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า วิทยาศาสตร์เก่าบังคับให้เราอับอายในการพูดถึงเทพ

ที่น่าสนใจก็คือ คุณเดชาได้กล่าวถึงความพิอักพิอ่วนของสังคมไทยต่อเรื่องดังกล่าว นั่นคือ มองว่าเรื่องนี้เป็นไสยศาสตร์ ทั้งที่รากเหง้าของสังคมไทยก็ตั้งอยู่บนไสยศาสตร์ แต่กลับไปน้อมรับไสยศาสตร์ฝรั่งคือ เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมศาสตร์ หรือการบอกว่าสังคมต้องตั้งอยู่บนฐานของเทคโนโลยี แต่กลับมีหมอดูอยู่มากมาย เป็นต้น

ถ้าหากเรามองเรื่องการสื่อสารกับธรรมชาติเป็นองค์ความรู้หนึ่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นวิทยาศาสตร์ ที่อาจยังประโยชน์ให้เราได้ อย่างเช่นการพูดคุยกับต้นข้าว เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด โดยไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ย สารเคมี หรือเครื่องจักรขนาดใหญ่ ก็น่าจะเป็นเรื่องดี

เป็นการพูดคุยที่น่าประทับใจมาก เสียดายที่มีเวลาน้อย

One Comment

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีครับ
ผมชื่อสวัสดิ์ พุ้มพวง ผมมี blog อยู่กับ สคส. ครับ (http://www.gotoknow.org/sawat) กิจกรรมที่ผลทำอยู่ในภาคชุมชนครับ ความสนใจผมและสิ่งที่ผมกำลังแสวงหาซึ่งผมพูดมาหลายที่และพูดทุกครั้งเวลาที่มีคนถามรวมทั้งเมื่อท่าน ศ.นพ.วิจารย์ พานิช ถามผมเมื่อคราวที่ผมมีโอกาสได้สนทนากับท่าน คือ "เสรีภาพ" ครับ คำถามคือว่า "ทำอย่างไร"

ผมได้อ่านหนังสือ (ที่แนะนำโดยคุณหมอวิจารย์) ของ ศ.พน.ประเวศ วะสี เล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาว่า หากมนุษย์เป็นอิสระจากโครงสร้างทางสังคม มนุษย์จะเข้าถึง "เสรีภาพ" ที่แท้จริง เป็นคำกล่าวที่ลึกมากในทัศนะของผมครับ ท่านแนะนำว่า "การจัดการความรู้เป็นวิธีที่จะทำให้มนุษย์เข้าถึงเสรีภาพ" ผมถามตัวเองต่อไปว่า แล้วความรู้อะไรหละ ผมกลับมาทบทวนหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในหมวด "ปฏิจจสมุปบาท" ผมอ่าน แต่ยอมรับว่า อาจจะยังไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง แล้วก็กลับไปอ่านเรื่องการจัดการความรู้

ผมพยายามถามตัวเองว่า "เราจะนำเอาหลักคำสอนเรื่องปฏิจจสมุปบาทใช้กับตัวเองและผู้ใกล้ชิดโดยวิธีการจัดการความรู้เพื่อให้ตัวเองและผู้ร่วมเรียนรู้คนอื่น ๆ เป็นอิสระจากโครงสร้างทางสังคมได้อย่างไร?" เป็นคำถามที่ผมพยายามค้นหาคำตอบครับ การแสวงหาคำตอบนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (สาขาพระพุทธศาสนา) ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

หากผมบำเพ็ญบารมีมาพอ ผมคงจะเข้าถึง "อิสรภาพ" นั้น หากบารมีไม่แก่กล้า ผมยินดีที่ทำความเพียรต่อไปครับ

ผมหวังว่าคงจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชาวชุมชนนี้ในโอกาสต่อ ๆ ไป ครับ

Back to Top