มนุษย์จำเป็นต้องมีจิตขนาดใหญ่
เพื่อที่จะบรรจุความเมตตา ความกรุณา
อันไม่มีที่ประมาณไว้ได้
When you leave me in the grave,
เล่าต่อจากคราวก่อน
ในส่วนของวิทยากรฝ่ายอิสลามนั้น อาจารย์สุชาติ เศรษฐมาลินีได้อรรถาธิบายไว้ว่า วิถีอิสลามนั้นก็คือการแสดงความเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า กิจกรรมต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง การประกอบอาชีพ ล้วนต้องเป็นไปเพื่อการนี้
สำหรับชาวมุสลิมแล้ว โลกนี้และโลกหน้ามิได้แยกออกจากกัน ความตายเป็นสมบัติของชีวิต ศาสดาก็เคยกล่าวไว้ว่า “มนุษย์ต้องตายก่อนตาย” และย้ำให้ระลึกถึงความตายทุกเวลาทุกนาที
อาจารย์สุชาติยังกล่าวถึงความตาย ๓ ลักษณะในอัลกุรอานไว้ ดังนี้
ความตายคือ
(หนึ่ง) การพบกับพระผู้เป็นเจ้า
(สอง) การกลับคืน
(สาม) การจับ/หยิบดวงวิญญาณไปวางไว้ในอาณาจักรพระผู้เป็นเจ้า
ส่วนเหตุแห่งความกลัวตายของมนุษย์นั้นมี ๓ ประการ ได้แก่ (๑) ขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง (๒) เป็นสิ่งที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย จึงมีความกังวล และ (๓) ขาดการเตรียมพร้อม เพราะความตายไม่เคยรอให้พร้อม
ตามความเชื่อของชาวมุสลิมนั้น เมื่อตายลง เดินไปไม่ถึงสี่สิบก้าว ก็จะมีผู้ตามทวงหนี้แล้ว ฉะนั้น การสั่งสมกุศลกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น การปฏิบัติดีต่อเพื่อนมนุษย์แท้จริงแล้วก็คือการปฏิบัติดีต่อพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง
เรื่องเล่าหนึ่งในอิสลาม กล่าวถึงชายผู้หนึ่ง ซึ่งถามเพื่อน ๓ คน ว่าหากเขาตาย เพื่อนจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง คนแรกตอบว่าจะเตรียมโลงและผ้าห่อศพให้ คนที่สองตอบว่าจะช่วยแบกโลงไปที่หลุมฝังศพ ส่วนคนที่สามตอบว่าจะลงไปอยู่เป็นเพื่อนในหลุมฝังศพและช่วยตอบคำถามต่อเทวทูต เพื่อนทั้งสามคนเป็นดังอุปมาของสิ่งที่ติดตามตัวเราไปได้เมื่อตายแล้ว เพื่อนคนแรกคือทรัพย์สินเกียรติยศ เพื่อนคนที่สองคือครอบครัวญาติพี่น้อง ส่วนเพื่อนคนสุดท้ายก็คือ อาม้าล หรือกรรมดีกรรมชั่วนั่นเอง
ความตายในอิสลามก็มิใช่ความตายเชิงปัจเจก หากยังมีความอยุติธรรมในสังคม มีความบีบคั้นเบียดเบียน ชาวมุสลิมย่อมไม่อาจดูดายได้เช่นกัน ดังถ้อยคำในพระคัมภีร์ที่ว่า “จะเข้านอนได้อย่างไร หากเพื่อนบ้านยังหิวอยู่”
สำหรับชาวมุสลิมแล้ว ความตายมิได้เป็นเรื่องแยกออกจากชีวิต โลกนี้กับโลกหน้าล้วนเป็นโลกเดียวกัน ทุกคนต้องกลับไปสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ดังบทกวีในสายซูฟี ที่กล่าวว่า
Don’t say goodbye.
Remember a grave is only a curtain,
For the paradise behind.
หากเราจากกันชั่วนิรันดร์
อย่าได้กลั่นถ้อยคำแห่งร่ำลา
สุสานนี้ก็เพียงม่านบังตา
แผ่วพริ้วอยู่เบื้องหน้าแดนสวรรค์
แสดงความคิดเห็น