โดย
สมพล ชัยสิริโรจน์
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2559
ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัว ดูเอฟบี ดูโซเชียลมีเดียแล้วมองเห็นใจตนเอง
ในบรรดาโพสต์โพสต์ต่างๆ มากมายในเอฟบี โพสต์เล็กๆ แต่ดุเดือดโพสต์หนึ่ง เป็นภาพของนิสิตหญิงในชุดของมหาวิทยาลัยของเธอ โพสต์ข้อความที่เข้าข่ายว่าหยาบคายในสายตาของคนทั่วไป แต่ที่ยั่วยุยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ท่าทีที่ไม่แยแสต่อคำต่อว่าวิจารณ์ที่กระหน่ำตามมา
อันที่จริงผู้เขียนควรจะยกตัวอย่างถ้อยคำที่ว่า แต่ชะตากรรมของนิสิตคนนี้ ทำให้ผู้เขียนขยาดสายตาผู้อ่านตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในบรรดาคำวิจารณ์ต่างๆ ที่ขึ้นมาในโพสต์ของเธอ มีตั้งแต่ตำหนิตัวเธอที่ใช้ไม่ได้ ไม่รักตัวเอง ไม่รักสถาบัน ครูบาอาจารย์ไม่รู้จักสั่งสอน จนไปถึงว่า พ่อแม่คงไม่มี หรือมีก็มัวแต่หาเงินทองจนไม่รู้จักดูแลลูก รวมทั้งมีว่า ลูกไม่เอาไหน ทำตัวอย่างนี้ เพราะใครแนะนำสั่งสอนก็ดื้อรั้น ก็คงไม่รู้จักเชื่อฟัง
และก็อีกครั้ง ถ้อยคำที่ผู้เขียนยกมาก็โดนเจือจางล้างน้ำให้ความรุนแรงในภาษาลดระดับลง ให้ผู้เขียนรู้สึกปลอดภัย
ปรากฏการณ์นี้อาจจะเรียกได้ว่า อาการ “ขัดหู ขัดตา ด่าไว้ก่อน” ปรากฏในสื่อออนไลน์อยู่อย่างสม่ำเสมอ ในเรื่องราวและระดับความรุนแรงที่ต่างๆ กันไป
ไม่ว่านิสิตคนนี้จะทำถูกหรือผิด นั้นเป็นประเด็นหนึ่ง แต่คนด่าเขาอาจจะต้องตั้งคำถามว่า “เขาผิดหรือถูก ทำไมต้องไปด่าเขา?” ทำไมต้องตอบโต้ท่าทีของคนที่เราไม่ชอบอกชอบใจและขัดอกขัดใจด้วยความรุนแรง