โดย
วิศิษฐ์ วังวิญญู
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2560
ขอเริ่มต้นด้วยคำว่า ค่าผันแปรของชีพจร (heart rate variability) ปัจจุบัน วิทยาศาสตร์สุขภาพมีวิธีตรวจวัดค่าการผันแปรชีพจรออกมา และบอกว่าหากชีพจรมีการผันแปร นับเป็นเรื่องดีกับสุขภาพ คนที่ไม่ค่อยมีการผันแปรหรือค่าผันแปรต่ำกลับกลายเป็นคนที่จะมีปัญหาสุขภาพ
ผมจะไม่ลงรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวว่าคืออะไร วัดอย่างไร ถ้าสนใจให้ไปหาค้นคว้าศึกษาเอาเอง แต่ผมจะกล่าวถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่ทำให้ผมสนใจเรื่องนี้
ค่าผันแปรชีพจรที่ดี แสดงถึง หนึ่ง สุขภาพทางกายที่ดี มีประสิทธิภาพ สอง อารมณ์ดี มีความผาสุก สาม ประสิทธิภาพการทำงานของสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองส่วนหน้า (executive brain) อันหมายถึงเจตจำนง ความสามารถที่จะวางแผนและกระทำการตามแผนได้ สี่ การมีชีวิตที่ยืนยาว ห้า ความสามารถในการปรับตัวกับความเครียดและการฟื้นคืนจากความเครียดกลับสู่สภาพปกติได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
กับคำว่าบรรสาน
มีคำว่า coherence ผุดขึ้นมา คือธรรมชาติพื้นฐานของชีวิตหรือระบบชีวิตเป็นระบบที่บรรสานกันอยู่แล้ว เมวัน โฮ นักชีวฟิสิกส์คนสำคัญของโลกผู้ล่วงลับ ได้ระบุว่า องค์ประกอบทั้งหมดของชีวิตเป็นผลึกเหลว (liquid crystalline) ที่ไหลเลื่อน เคลื่อนที่ เปลี่ยนแปลง เชื่อมโยงอย่างมีระเบียบสูงสุด แต่ร่างกายเรามีทั้งสภาวะที่บรรสานและไม่บรรสาน เวลาสูญเสียความบรรสาน พลังจะรั่วไหล ความไม่ลงรอยและความขัดแย้งของระบบต่างๆ ทำให้พลังงานถูกใช้ไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เกิดการสูญเสียมากมาย
ปกติในสภาวะบรรสาน พลังงานจะถูกหมุนเวียนส่งกลับมาให้ใช้งานได้อย่างเหลือเฟือ ไม่ร่อยหรอ เป็นช่วงที่เรามีพลังงานดีที่สุด ระบบขับเคลื่อนเป็นไปได้อย่างดีที่สุด โดยใช้พลังน้อยที่สุด และในขณะเดียวกัน ระบบย่อยอาหารและระบบซ่อมแซมฟื้นคืนพลังก็ทำงานได้ดี