โดย
นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 4 เมษายน 2558
“การเรียนรู้สำคัญกว่าความรู้และกระบวนการหาคำตอบสำคัญกว่าคำตอบ”
จาก อย่าเรียนหนังสือคนเดียว
กรุงเทพฯ : มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์, ๒๕๕๗, หน้า ๒๒
ประสบการณ์ที่หนึ่ง
มีนาคม ๒๕๕๘ ขับรถไปประชุมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) เขตอำเภอเมืองของจังหวัดหนึ่ง ไปนั่งฟังเรื่องเล่าของเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเล่าเรื่องความสำเร็จที่เขาสามารถประสานให้เทศบาลตำบลและผู้ใหญ่บ้านพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปช่วยกันนำผู้ป่วยโรคจิตที่ขังตัวเองในบ้านนาน ๒ ปีไปรักษาตัว เขาเล่าว่าแรกๆ ไม่มีใครเข้าใจว่าจะทำไปทำไม เพราะไม่รู้ว่าจะรักษาได้จริงหรือเปล่า ด้วยความเพียร เจ้าหน้าที่ท่านนั้นจึงเดินเท้าไปอธิบาย ทำหนังสือขอรถยนต์ เจรจากับทุกคนที่เกี่ยวข้องให้นำผู้ป่วยออกมารักษาจนได้ ปัจจุบันผู้ป่วยดีขึ้นมากและกำลังหางานทำ
ประเด็นของเรื่องคือ ผมทำแบบที่เจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ได้ คือประสานงานชุมชน เวลาผมไปนั่งฟังจึงฟังด้วยความชื่นชม ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคจิตตามที่ได้เรียนมา พอจะมีประโยชน์อยู่บ้างคือ ช่วยยืนยันว่าโรคจิตเป็นโรคที่รักษาได้ พบที่ไหนก็ขอให้มีทัศนคติที่ดีต่อผู้ป่วย ขอให้รู้ว่าผู้ป่วยโรคจิตเป็นผู้ป่วยประเภทหนึ่ง มีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะได้รับการรักษาและรักษาได้ด้วย ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเผยแพร่ความรู้นี้ออกไปให้ผู้นำชุมชนและชาวบ้านเข้าใจ
มีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบมากคือ คนไข้โรคจิตคนหนึ่งขโมยพระพุทธรูปจากวัดไปทิ้งน้ำ ชาวบ้านโกรธผู้ป่วยมากเพราะหลังจากนั้นทุกคนเป็นหวัดเรื้อรังกันหมด และเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ช่วยประสานการแก้ปัญหาอีกเช่นกัน