บริษัทมหาชนสู่กระบวนการทางจิตตปัญญาเต็มรูปแบบ (๑)



โดย วิศิษฐ์ วังวิญญู
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2559

ตอนนี้ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่งที่พร้อมจะนำพาตัวเองไปสู่การบริหารจัดการองค์กรด้วยกระบวนการจิตตปัญญาอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเท่าที่ผมทำงานมา รวมทั้งที่ได้ยินได้ฟังจากเพื่อนๆ ในวงการฝึกอบรมแบบจิตตปัญญา ผมยังไม่เคยพบเจอบริษัทมหาชนเช่นนี้ จึงอาจนับว่าองค์กรแห่งนี้เป็นองค์กรแรกที่ต้องการจะเดินทางสายนี้อย่างเต็มรูปแบบ ผมเลยอยากทำบันทึกเรื่องราวของการพบเจอและทำงานร่วมกันนี้เอาไว้ ว่าผมวางโครงในการทำงานกับองค์กรแห่งนี้อย่างไรบ้าง

อาจจะเนื่องจากผมได้ทำงานกับองค์กรธุรกิจมานานและหลากหลายรูปแบบ ประสบการณ์ของผมจึงตกผลึกจนกระทั่งทฤษฎีองค์ความรู้ที่นำมาใช้ได้ถูกกลั่นสกัด จนได้ความเรียบง่ายระดับบริสุทธิ์ที่มีประสิทธิภาพและทรงพลัง ดังจะค่อยๆ เรียบเรียงออกมาให้เพื่อนร่วมทางได้อ่านและเรียนรู้ร่วมกัน


นักรบสู่แม่ทัพสู่มนุษย์ที่แท้

ผมขึ้นหัวเรื่องแค่คำสามคำก่อน คือ แม่ทัพ นักรบ และคุรุ

ในองค์กรธุรกิจ (หรือแม้แต่องค์กรรูปแบบใดๆ ก็ตาม เช่น รัฐและเอ็นจีโอ เป็นต้น) คนทำงานเก่งถูกโปรโมทหรือเลื่อนชั้นขึ้นมาเพื่อรับตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่ความเก่งนั้นยังเป็นความเก่งเฉพาะตัว กล่าวคือ เขาหรือเธอคนนั้นเป็นเพียงนักรบที่เก่งกล้าคนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถครองใจคน นำพาทัพ นำพาหน่วยงานในสังกัดไปสู่ความสำเร็จอย่างพร้อมเพรียงกันเป็นแผงได้ กล่าวคือ เขายังไม่ได้บรรลุถึงขีดขั้นความเป็นแม่ทัพ


แทรกเรื่องสี่ทิศแบบก้าวหน้า

ก่อนจะเอ่ยถึงสี่ทิศ1และจะได้นำมาใช้ในภาคประยุกต์อย่างพิสดารนี้ ผมอยากจะกล่าวถึงที่มาที่ไปและเอ่ยถึงกิตติคุณของบางท่านที่เกี่ยวข้องไว้ ณ ที่นี้


ช่วงหลังที่ผมกลับมาปลูกบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ ได้มีโอกาสพบปะเสวนากับผู้คนคอเดียวกันอย่างกว้างขวาง หนึ่งในนั้นคือ ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ ที่ได้มาเป็นแขกรับเชิญในหลักสูตรออนไลน์ของผมชื่อ ‘Change’ เสมอๆ และร่วมเสวนากันอย่างท้าทายและสนุกสนาน สิ่งหนึ่งที่อาจารย์ให้แง่คิดอันเป็นประโยชน์ก็คือมุมมองในเรื่องสี่ทิศ อาจารย์เอาสี่ทิศไปผสมผสานกับ AI (Appreciative Inquiry)2 ได้อย่างกลมกลืน ท้าทาย และสร้างผลลัพธ์ได้มหาศาล ผมจะหลอมรวมสี่ทิศแบบก้าวหน้ามาใช้ตรงนี้ จึงใคร่จะกล่าวถึงอาจารย์และคุณูปการที่มีต่อผมในเรื่องนี้ไว้ด้วย

ผมอยากจะกล่าวเลยไปถึงที่มาของสี่ทิศ อย่างน้อยในสายธารแห่งปัญญาที่ผมนำมาใช้ สี่ทิศนี้เป็นปัญญาญาณของชนเผ่าพื้นเมืองในสหรัฐอเมริกา คนที่เอามาเผยแพร่จนเราเอามาใช้งานกันอย่างกว้างขวางก็คือ จอร์จ เลกี้ (George Lakey) เขาเป็นนักฝึกอบรมแนวทางสันติวิธีและต่อมากลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในแนวทางการฝึกอบรมของประชา หุตานุวัตร ต่อมา ปรีดา เรืองวิชาธร รุ่นน้องประชาได้นำมาเผยแพร่ต่ออย่างเป็นเรื่องเป็นราวในงานของเขาผ่านเสมสิกขาลัย อันเป็นหน่วยงานหนึ่งของมูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป


กลับมาเรื่องแม่ทัพ เทียบเคียงกับผู้นำสี่ทิศ

เมื่อพูดถึงเรื่องแม่ทัพกับการครองใจคน ก็อาจจะต้องพูดถึงความเข้าใจในความแตกต่างของบุคลิกภาพ ซึ่งเมื่อเข้าใจก็จะทำให้เรามีความสามารถที่จะครองใจคนได้ รวมทั้งความเข้าใจของแม่ทัพต่อบุคลิกภาพของตัวเอง ทั้งจุดแข็งและข้อจำกัด และการก้าวล่วงสู่การขยายขอบเขตความสามารถที่ไปพ้นบุคลิกภาพของตนเอง

ภาพที่เห็นได้บ่อยๆ คือการก้าวขึ้นมาของกระทิง ทิศเหนือ ธาตุไฟ ด้วยคุณสมบัติของการลุยงาน ลงมือกระทำการ และกัดไม่ปล่อย กระทิงจึงเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดที่จะได้รับการโปรโมทขึ้นมาในตำแหน่งแม่ทัพหรือสายกุมกำลัง โดยอาจจะมีส่วนผสมเป็นกระทิงหมี หรือกระทิงอินทรี เป็นต้น (หมีจะเป็นธาตุดิน และอินทรีจะเป็นธาตุลม) ส่วนน้อยมากที่หนูจะได้รับการโปรโมทขึ้นมา นอกเสียจากว่าผู้นำสูงสุดเป็นหนู ซึ่งก็มีให้เห็นอยู่เหมือนกัน

ซึ่งตอนนี้เอง เราจะเห็นช่องโหว่ของกระทิง และกระทิงผสมหมีหรือผสมอินทรีได้อย่างชัดเจน ว่าพวกเขาขาดอะไรไป นั่นก็คือพวกเขาขาดทิศใต้ ธาตุน้ำ ฐานใจ กระทิงนั้นฐานกาย ลงมือทำ หากมีหมีและอินทรีผสมเข้ามาก็คือฐานคิด ไม่ว่าจะเป็นสมองซีกซ้ายหรือซีกขวาก็ตาม แต่ก็ขาดฐานใจที่จะเข้าถึงคน และในสังคมไทย คนส่วนใหญ่ก็คือหนู ฐานใจ เราจะเป็นแม่ทัพโดยไม่เข้าถึงใจของคนส่วนใหญ่ได้อย่างไร


The Zone หรือ มณฑลแห่งพลัง

ที่จริงในทางกายภาพหรือฮาร์ดแวร์ของสมองมนุษย์นั้น เรามีครบทั้งสี่ทิศ สี่ธาตุ สี่ฐาน คือสมองชั้นต้นคือฐานกาย สมองชั้นกลางและรวมถึงซีกขวาจะเป็นฐานใจ สมองซีกซ้ายและขวาก็เป็นฐานคิด แต่มันไม่ได้ใช้ออก เพราะเรื่องของสมองนั้น ถ้าไม่ใช้มันก็จะลีบลง แต่หากกลับมาใช้ มันก็จะฟื้นขึ้นมาใช้งานได้อีกเช่นกัน

แต่คนเราก็มักจะจำกัดตัวเอง เป็น fixed mindset (ความคิดความเชื่อที่ตายตัว) และไม่ค่อยจะเปิดโอกาสให้ตัวก้าวสู่การเป็น growth mindset (ความคิดความเชื่อที่เติบโต) อันนี้ก็เนื่องมาจากโจรสลัดสองพวก พวกหนึ่งคือ ระบบอัตโนมัติที่หลับใหลของสมอง เพื่อให้สมองได้ทำงานอย่างประหยัดพลังงาน สมองจึงสร้างวงจรอัตโนมัติขึ้น ซึ่งเป็นทั้งประโยชน์และข้อจำกัด มนุษย์ได้ใช้วงจรสมองอัตโนมัตินี้มากมาย จนครอบคลุมชีวิตส่วนใหญ่ ก่อประกอบเป็นบุคลิกภาพต่างๆ ดังเช่นในสี่ทิศ สี่ธาตุนี้ เป็นโจรสลัดพวกที่หนึ่ง

โจรสลัดพวกที่สอง เป็นทรอม่า (trauma) หรือปม ที่จริงปมก็ทำงานร่วมกับเครือข่ายวงจรอัตโนมัติที่หลับใหลนี้แหละ ผมจะเรียกเครือข่ายที่อัตโนมัติและหลับใหลนี้ว่า โหมดยถากรรม หรือจะใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ก็เรียกว่า default mode (ค่าเริ่มต้น) ทรอม่ากับยถากรรมนี้ จะคล้องแขนกันในชีวิตของเรา ทำให้เกิด fixed mindset ทำให้คนไม่เปลี่ยน ไม่คิดจะเปลี่ยน เพราะคิดว่าหรือหลงว่าตัวเองดีอยู่แล้ว แต่ที่จริงแล้ว ชีวิตของเขาได้ถูกโจรสลัดสองตัวปล้นไปแล้วโดยสิ้นเชิง คือ ยถากรรมและปม หรือทรอม่า

The Zone หรือมณฑลแห่งพลังนี้ ก็คือ หากเราไม่ถูกปล้นไปเสียก่อน จิตของเราคือที่ทางแห่งพลัง คือ สภาวะของสมองที่สามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุด (optimum learning state) การปฏิบัติธรรมก็ดี การเข้าอบรมแบบจิตตปัญญาก็ดี เรามุ่งหวังที่จะปลุกธรรมชาติเดิมแท้ ธรรมชาติพื้นฐานของจิตให้ตื่นขึ้นมา และสามารถกระทำการอย่างไปพ้นการถูกปล้นด้วยโจรสลัดทั้งหลาย

เมื่อเราอยู่ในมณฑลแห่งพลัง สมองทุกส่วนก็สามารถกระทำงานได้อย่างสอดประสานทิศ ธาตุ ฐานต่างๆ ก็สามารถตื่นขึ้นมาสานสร้างการเรียนรู้และการทำงานอย่างสนุกสนาน ฐานใจที่ขาดไปก็ถูกเติมเข้ามา สามารถครองใจทีมงานได้และสามารถพากันก้าวไปสู่ความสำเร็จ ด้วยความสัมพันธ์ในงานที่มีความสุข



1 ภูมิปัญญาชนเผ่าพื้นเมืองในสหรัฐอเมริกา จำแนกบุคลิกของคนออกเป็น 4 แบบ โดยใช้สัญลักษณ์สัตว์ 4 ประเภท ได้แก่ "กระทิง" ทิศเหนือ ธาตุไฟ มีบุคลิกตรงไปตรงมา ลุย กัดไม่ปล่อย คิดเร็วทำเร็ว โกรธง่ายหายเร็ว, "หนู" ทิศใต้ ธาตุน้ำ บุคลิกประนีประนอม ชอบทำอะไรเป็นหมู่คณะ มีความละเอียดอ่อน ยืดหยุ่น, "หมี" ทิศตะวันตก ธาตุดิน บุคลิกมองเป็นระบบระเบียบ ยึดหลักการ ไม่ประนีประนอม รอบคอบถี่ถ้วน, "อินทรี" ทิศตะวันออก ธาตุลม บุคลิกมองการณ์ไกล ช่างจินตนาการ สร้างสรรค์ คิดก่อนทำ เบื่อง่าย
2 Appreciative Inquiry คือกระบวนการศึกษาค้นหาร่วมกันเพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคน องค์กร หรือโลกที่อยู่รอบตัว โดยการค้นหาประสบการณ์ที่ดีที่สุด (Peak Experience) ไปสานต่อเป็นความฝันหรือวิสัยทัศน์ (Dream) วางแผนทำให้เป็นจริง (Design) และเริ่มลงมือทำ (Destiny)

Back to Top