พายเรือกลางสายฝน



โดย ชลนภา อนุกูล
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 10 เมษายน 2553

บางครั้ง... เรื่องจริงก็ดูเหมือนนิทาน

บางครั้ง... นิทานก็เหมือนจะเป็นเรื่องจริง

ครั้งหนึ่ง... เหตุเกิดในประเทศแถวยุโรป ในเมืองที่มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน มีมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยเฉพาะทางที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น สาขาคอมพิวเตอร์

เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในหน่วยวิจัย ซึ่งประกอบด้วยศาสตราจารย์ นักศึกษาปริญญาเอกที่เป็นผู้ช่วยสอน นักศึกษาปริญญาโทที่กำลังทำวิทยานิพนธ์ และนักศึกษาฝึกงาน ราวสิบกว่าคน เมื่อถึงวันหยุด ก็มีการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ ให้ไปพายเรือร่วมกัน

พวกนี้เป็นโปรแกรมเมอร์สมองไบรต์ งานของพวกเขาก็คือการนั่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ และอยู่กับภาษาแปลก-แปลก คุยและสบถอยู่คนเดียวหน้าจอ ไม่ค่อยได้พูดจากับคนที่มีอาการคล้ายกันที่นั่งอยู่ข้าง-ข้าง ได้คุยกันบ้างในการประชุมสัปดาห์ละหน การจัดกิจกรรมนอกสถานที่ ช่วยทำให้พวกเขาได้มาเจอหน้ากัน คุยกันในเรื่องอื่นของชีวิต และได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพด้วย หน่วยวิจัยจะได้มีบุคลากรที่ฉลาด มีมนุษยสัมพันธ์ดี และร่างกายแข็งแรงไง

เมื่อไปถึงท่าเรือ ก็มีเรือรออยู่แล้ว เรือนี้เป็นเรือท้องถิ่น เรียกว่า เรือมังกร ลำตัวของเรือยาวคล้ายเรือยาว เพราะฉะนั้นจะนั่งกันได้หลายคน และช่วยกันพาย เหมือนเรือยาวนั่นแหละ

ต่างคนต่างหยิบเสื้อชูชีพขึ้นมาสวม โดยไม่ต้องให้ใครมาบอก ไม่มีใครทำเท่ห์บอกว่าตัวเองว่ายน้ำแข็ง หรือสละเสื้อชูชีพให้คนอื่นใส่ ก็ประเทศนี้ ชีวิตมีราคาแพง และจำนวนเสื้อก็เตรียมไว้พอดีคนนี่นะ

ใส่เสื้อชูชีพเสร็จ ทุกคนก็ก้าวลงเรือ แบ่งที่นั่งกัน นั่งประจำตำแหน่งหันหน้าไปทางเดียวกันพร้อมพรัก จับพาย รอว่าเมื่อไหร่จะออกเรือเสียที – น่าตื่นเต้น จะได้พายเรือ

สักประเดี๋ยว เจ้าของเรือก็เดินมาที่ท่า เขาปรบมือเรียกชาวคณะขึ้นมาบนบกก่อน อย่าเพิ่งรีบ มีอะไรบางอย่างที่ผมอยากถามพวกคุณ

ทุกคนขมีขมันขึ้นมาจากเรือ เอาล่ะ รีบถามมา จะได้ตอบ จะได้ไปกันเสียที สายแล้ว

เจ้าของเรือถามว่า มีใครเคยพายเรือมังกรแล้วบ้าง

ทุกคนส่ายหน้า

เอาล่ะ งั้นพวกคุณควรจะทราบว่า เมื่อกี๊ พวกคุณนั่งหันหน้าไปผิดทางนะครับ ทีนี้ ลงไปที่เรือได้

เหล่าโปรแกรมเมอร์ที่มั่นใจ กระฉับกระเฉง ว่าง่าย และยอมรับในความไม่รู้ของตน ก็ลงไปบนเรืออีกครั้ง – คราวนี้ นั่งหันหน้าไปทางเดียวกันเหมือนเดิม แต่ในทิศตรงข้ามกับคราวแรก แล้วก็เริ่มพาย

ชั่วโมงแรก อากาศเย็นสบาย สายน้ำราบเรียบ ทิวทัศน์สองข้างทางเขียวไปด้วยต้นไม้และเนินเขาที่ปลูกองุ่นทำไวน์ ทีมพายเรือหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส

ชั่วโมงที่สอง อากาศเย็นสบาย แม่น้ำไหลเร็วขึ้นนิดหน่อย ทิวทัศน์ก็ยังเหมือนเดิม ทีมพายเรือก็ยังพายไปคุยกันไป

ชั่วโมงที่สาม ทิวทัศน์ยังเหมือนเดิม เมฆบนฟ้าเริ่มก่อตัวหนาแน่น แล้วก็หยดเป็นเม็ดฝนลงมาเปาะแปะ และก็กลายเป็นเทลงมาแบบเม็ดเบ้อเริ่มเทิ่ม ทีมพายเรือมีแต่เสื้อชูชีพ ไม่มีเสื้อฝน ไม่เห็นใครบอกเลยนี่ ว่าฝนจะตกตอนพายเรือด้วย

อยู่-อยู่ เรือก็แล่นช้าลง – เอ เรือนี่ ไม่ใช่รถ ฝนตก ทำไมถึงแล่นช้าลง หันหลังไป ผู้คนสี่ห้าคนหยุดพายไปแล้ว

เฮ้ เลิกพายทำไม ช่วยกันพายสิ หัวเรือตะโกนถาม

ก็ฝนมันตกนี่ ท้ายเรือตะโกนตอบตามตรรกะ ไม่ได้ขี้เกียจนะ แต่ฝนมันตก ใครเขาพายเรือกลางฝนกัน

เงยหน้ามองบนฟ้า ไม่มีวี่แววว่าฝนจะหยุดภายในห้านาทีหรือสิบห้านาทีเลย เป็นฝนห่าใหญ่จริง-จริง

มองไปด้านหลัง มีแต่น้ำ ขับเลยท่าปล่อยเรือมากว่าชั่วโมงแล้ว จะพายกลับก็คงหลบฝนไม่ได้

มองไปด้านหน้า มีแต่น้ำ ท่าเรือข้างหน้าก็ต้องพายอีกสองชั่วโมง

มองด้านซ้ายด้านขวา มีแต่ต้นองุ่น กับทุ่งหญ้า ไม่มีที่ไหนจะให้ร่มเงาหลบฝนได้เลย

ฝนตกแล้วหยุดพายเรือก็เปียกฝนอยู่ดี เสียงหนึ่งตะโกนบอกแข่งกับสายฝน

พวกเรามีแต่ต้องพายไปให้ถึงจุดหมายเท่านั้นแหละ ทั้ง-ทั้งที่ฝนตก ตัวเปียก และหนาวสั่นอย่างนี้นี่แหละ อีกเสียงหนึ่งตะโกนเสริม

และแล้ว เหล่าโปรแกรมเมอร์ที่มั่นใจ กระฉับกระเฉง ว่าง่าย ยอมรับในความไม่รู้ของตน และเข้าใจอัลกอริทึมในการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของชีวิตเบื้องหน้าขณะนั้น – ก็ช่วยกันพายเรือต่อไป

หลายครั้งในชีวิต... เมื่อนั่งบนเรือลำเดียวกัน หันหน้าไปทางเดียวกัน พวกเราก็อาจหันหน้าไปผิดทาง

หลายครั้งในชีวิต... ความผิดพลาดแก้ไขได้ และไม่มีอะไรต้องเสียหน้าด้วยในการทำสิ่งที่ถูกกว่า

หลายครั้งในชีวิต... อุปสรรคก็เข้ามาหาเหมือนฝนที่สาดซัดเข้ามาทุกทิศทาง ไม่มีเสื้อกันฝน ไม่มีที่หลบฝน มีแต่เสื้อชูชีพ พายที่อยู่ในมือ คนที่นั่งอยู่ในเรือลำเดียวกัน และท่าเรือข้างหน้าที่ต้องไปให้ถึง

หลายครั้งในชีวิต... เรือของพวกเราก็อาจจะแล่นช้าลงไปบ้าง หยุดไปบ้าง เพราะความเข้าใจและตรรกะไม่ตรงกัน เมื่อพูดจากัน สื่อสารกัน เห็นข้อจำกัดในขณะนั้นร่วมกัน ก็ย่อมจะช่วยกันหาทางเลือกที่ดีที่สุดในการกลับไปสู่เป้าหมายเดิมตั้งแต่แรก – นั้นคือ การไปสู่ท่าเรือเบื้องหน้าให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่ว่าสถานการณ์รอบตัวไม่น่าอภิรมย์เพียงใด

บางครั้ง... เรื่องจริงก็ดูเหมือนนิทาน

บางครั้ง... นิทานก็เหมือนจะเป็นเรื่องจริง

2 Comments

Halley กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับนิทานที่ดูเหมือนเรื่องจริงก่อนนอนครับ :)

nui กล่าวว่า...

ขอบคุณเรื่องดี ๆ ค่ะ

Back to Top