คิดก่อนอนาคต







หลังการภาวนาที่เรือนร้อยฉนำ เรามีนัดต่อที่ธรรมศาสตร์

พบพี่จู พี่อ้อย พี่นี สมาชิกอาวุโสของกลุ่มสังฆะ แอบมาภาวนาในห้องประชุมจิตติ ติงศภัทิย์ ตั้งแต่บ่าย

วงประชุมระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตเมืองไทยหลังยุคทักษิณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชน

อ. ชัยวัฒน์ ถิรพันธ์ เคยนำเสนอในที่ประชุมจิตวิวัฒน์ครั้งหนึ่ง ว่าด้วยการคิดก่อนอนาคต Presensing – การคิดเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์เบื้องหน้าที่มีความเป็นไปได้หลายแบบ

ครั้งนี้ ก็ไม่ต่างกับอีกหลายครั้ง อ. ชัยวัฒน์ ทิ้งคำถามเหมือนเดิม แต่คราวนี้ว่าด้วยอนาคตไม่ใกล้ไม่ไกลของบ้านเมือง

วิกฤติก็เหมือนกับภาวะยุ่งเหยิง Chaos – ช่วงเปลี่ยนผ่านย่อมดูสับสน แต่ก็จะผ่านพ้นไปในที่สุด จำต้องเตรียมตัวไว้สำหรับระเบียบใหม่

ผู้คนหลายกลุ่มหลากความคิดเห็น นักวิชาการ ทั้งนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ บริหารธุรกิจ และผู้คนจากวิชาชีพอื่น

กลุ่มภาวนาเสนอเรื่องการภาวนา ซึ่งเป็นกิจกรรมเย็นที่ช่วยดึงอุณหภูมิการเมืองให้ลงมาได้บ้าง และน่าจะช่วยแผ่ขยายความเย็นออกไปให้ถ้วนทั่ว

หลายท่านเสนอว่า การภาวนาน่าจะเสริมเรื่องปัญญาภาวนา อย่างน้อยก็ต้องจับประเด็นเรื่องคุณธรรมจริยธรรมที่กำลังเลื่อนไหลไว้ให้มั่น

สรุปยังไม่ได้ ก็คุยปัญหาบ้านเมืองกันแค่ห้าชั่วโมง จะรีบสรุปอะไร?

นัดคุยกันต่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๙ เวลาบ่ายสาม

ผู้คนบางตาลง แต่ความคิดร่วมเริ่มตกผลึกชัดเจนขึ้น

ยุคหลังทักษิณควรเป็นไปเช่นไร?

เราอาจจะต้องจัดการกับปัญหาว่าด้วยคุณค่า จริยธรรม คุณธรรม และโครงสร้างของความรุนแรงที่กดทับอยู่

ทั้งหมดทั้งนั้นอาจจะเป็นไปได้ด้วยระบบการศึกษา การขยายพื้นที่การเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชน กลไกการตรวจสอบการทำงานแบบใหม่

เพื่อสร้างจิตสำนึกใหม่ ตลอดจนการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อระบอบประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน การเคารพศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ฯลฯ ในบริบทของสังคมไทย

บางเรื่องมีกลุ่มรับผิดชอบทำงานอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีผู้ร้อยโยงให้เห็นภาพรวม

การมองหาพื้นที่ว่างก็มีความสำคัญ เพื่อเสริมเติมเต็มกระบวนการปฏิรูปนี้

แผนปฏิบัติการอาจจะเป็นการประมวลความรู้จากกลุ่ม จัดเวทีสาธารณะ เอกสารเผยแพร่ ตลอดจนการตั้งประเด็นคำถามต่อสังคมเพื่อช่วยกันหาคำตอบ ฯลฯ

คำตอบของคำถามอาจจะเป็นงานที่ใช้เวลาหลายชั่วอายุคน รู้สึกคุ้นเคยอย่างไรไม่รู้ได้

อยากได้เพื่อนช่วยคิดจัง ;-)


Back to Top