โลกใบเดียว แต่ถูกบิดเบี้ยวให้แตกต่าง
ด้วยความคิด ความเชื่อ และการกระทำของมนุษย์



โดย ผศ.ดร.จุมพล พูลภัทรชีวิน
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2554

ภาพและเสียงที่เผยแพร่ไปทั่วโลก โดยเฉพาะภาพผู้คนกลุ่มหนึ่งแสดงความดีใจ และสะใจที่ได้ทราบข่าวและการยืนยันจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า โอซามา บิน ลาเดน ถูกทหารหน่วยคอมมานโดนาวิกโยธินสหรัฐ (Navy SEALs) ตามล่าและสังหารได้สำเร็จ กระทบความรู้สึกของผู้เขียนพอควร แต่เมื่อหยุดคิดพิจารณาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น มันกระแทกจิตสำนึกมากทีเดียว ยิ่งเมื่อมีโอกาสได้เรียนรู้และเป็นส่วนหนื่งของการทำงานขับเคลื่อนเรื่องสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะสื่อสาธารณะ ยิ่งทำให้ต้องรู้สึกและคิดเพิ่มมากขึ้น เพราะปรากฏการณ์ทำนองเดียวกันเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในระดับโลกและภายในประเทศของเราเอง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นและปรากฏในสื่อต่างๆ กำลังตอกย้ำและสร้างค่านิยมแปลกใหม่และแปลกแยกให้ประชาคมโลกและประชาชนไทยโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใช่หรือไม่?

สังคมโลก สังคมไทยจะเป็นอย่างไร หากค่านิยมทำนองเดียวกันนี้เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่

คงจำได้ การวิจัยสำรวจของสถาบันแห่งหนึ่งในประเทศเราพบและเผยแพร่ในสื่อว่า นักการเมืองโกงและคอร์รัปชั่นได้ ถ้ายังสร้างความเจริญให้กับประเทศ การ ”กินตามน้ำ” เป็นเรื่องปกติ

คงจำได้ ผู้นำประเทศหนึ่งประกาศอย่างอหังการ์ว่า ถ้าคุณไม่ใช่พวกเรา คุณคือศัตรูของเรา

คงได้ยินได้ฟังอยู่บ่อยๆ ข้ออ้างของผู้ผลิตละครน้ำเน่าคือต้องการสะท้อนให้เห็นสภาพที่แท้จริง (บางส่วน โดยเฉพาะที่เลวๆ) ของสังคม หรือพูดเพราะมาก “ดูละครแล้วย้อนดูตัว” และอีกหลายๆ กรณี เช่น อายุเริ่มมากขึ้นเลยอยากถ่ายภาพ (นู้ด) ไว้เป็นที่ระลึก เราโตแล้ว รู้ว่าอะไรควรไม่ควร และบางคนพูดในทำนองว่านี่เป็นร่างกายของเขา ที่พ่อแม่ให้มา ผู้อื่นก็ได้แค่ดู เอาไปไม่ได้ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่ได้ไปขอใครกิน...

แต่สิ่งที่กระตุ้นให้ผู้เขียนอยากแสดงความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ก็คือ เหตุการณ์ล่าสุดที่เกริ่นนำในตอนแรก บวกกับคำกล่าวของประธานาธิบดีโอบามา ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตอนหนึ่งว่า หากใครไม่คิดว่าหัวหน้าผู้ก่อการร้ายอย่าง บิน ลาเดน ไม่สมควรจะพบจุดจบหรือมีชะตากรรมแบบนี้ พวกเขาเหล่านั้น “จำเป็นต้องไปตรวจเช็คหัวสมองกันแล้ว” (needs to have their head examined)

ช่างคล้ายคลึงกับผู้นำระดับโลกอีกท่านหนึ่งที่พูดว่า “ถ้าคุณไม่ใช่พวกเรา คุณคือศัตรูของเรา”

ถ้าผู้นำระดับโลกยังมีความคิดและการพูดในลักษณะนี้ และมีการเผยแพร่ผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ ไปทั่วโลก โดยที่สื่อเองก็อาจจะมิได้ตระหนักถึงอิทธิพลของสารที่สื่อส่งไปให้ผู้รับสาร โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน โลกของเราในอนาคตจะมีสันติภาพได้จริงหรือ?

ความขัดแย้งทางความคิด การพูด และการกระทำ ที่เกิดจากความสับสน การขาดสติ และขาดปัญญาที่จะรู้และเข้าใจความต่างและความคล้ายระหว่างความดีกับความชั่ว ถูก-ผิด จริง-ไม่จริง ควร-ไม่ควร สงคราม-สันติภาพ...ของผู้นำ อาจจะเป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะ ไม่ถูก ไม่ควรให้กับผู้อื่นได้

คำถามหรือประเด็นที่ควรร่วมกันพิจารณาก็คือ

การฆ่าศัตรู ไม่ว่าจะเป็นศัตรูทางความคิด ศัตรูทางผลประประโยชน์ ศัตรูทางการเมือง ศัตรูทางศาสนา...เป็นสิ่งที่น่ายินดี น่าสะใจหรือ? มันเป็นความถูกต้องชอบธรรมของกลุ่มผู้ฆ่าหรือ?

เราควรจะหยุดการฆ่าด้วยการฆ่าหรือ? การฆ่าจะช่วยให้หยุดการฆ่าได้จริงหรือ?

ทำไมไม่หยุดการฆ่าด้วยการหยุดฆ่า?

ทำไมไม่สร้างสันติภาพด้วยสันติวิธี ด้วยความรัก ความเมตตา?

สื่อสารมวลชนและโดยเฉพาะสื่อสาธารณะควรเสนอข่าวอย่างที่เสนอ หรือมีวิธีการอื่นในการนำเสนอที่ดีกว่านั้น?

สื่อ และโดยเฉพาะสื่อสาธารณะ ไม่ควรทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ส่งหรือทางผ่านของสารไปยังผู้รับสารเท่านั้น แต่ควรพิจารณาว่าสารนั้นควรส่งหรือไม่เพราะอะไร และจะมีวิธีหรือช่องทางอย่างไรในการส่งที่จะเป็นประโยชน์กับผู้รับสารที่แตกต่างและหลากหลาย และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

การใช้วิจารณญาณในการนำเสนอข่าว ไม่ใช่แค่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ต้องใช้ความมีคุณธรรมและจริยธรรมในการนำเสนอข่าวด้วย โดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดชึ้น เช่นจะต้องพิจารณาว่าการนำเสนอข่าวตามที่ปรากฏตามที่เป็นจริง จะส่งผลกระทบในทางดีหรือร้ายต่อผู้รับสารและสังคมโดยรวม หากมีการหยุดคิดพิจารณา ภาพแสดงความยินดีก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏก็ได้

ผู้สื่อข่าว และโดยเฉพาะผู้สื่อข่าวสาธารณะ ไม่ใช่แค่มีความรับผิดชอบ (Responsibility) ต่องานในหน้าที่เท่านั้น ที่ยิ่งใหญ่กว่า ท้าทายกว่า และน่าภาคภูมิใจมากกว่า คือการเป็นผู้สื่อข่าวที่มีความรับผิดชอบ (Accountability) ต่อสังคมโดยรวม มิเช่นนั้นผู้สื่อข่าวก็เป็นเพียงเครื่องมือถ่ายทอดข่าวที่ไม่มีชีวิตจิตใจ จึงไม่ต้องรับผิดชอบผลกระทบที่จะเกิดกับสังคม รับผิดชอบแค่เสนอข่าวเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวไม่ใช่แค่ทำหน้าที่ตามข่าวให้ทันเพื่อจะได้ไม่ตกข่าว หรือเพื่อแข่งขันความเร็วในการเสนอข่าวเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่าคือผู้สื่อข่าวและโดยเฉพาะผู้สื่อข่าวสาธารณะที่ดีควรมีสติและปัญญาที่จะรู้เท่าทันข่าว เพื่อให้ผู้รับสารจากเราได้รู้เท่าทันข่าวและรู้เท่าทันสื่อด้วย เพราะผู้สื่อข่าวสาธารณะที่ดีมีหน้าที่ที่ต้องตอบคำถาม อธิบาย และรับผิดชอบต่อสังคม

ทำนองเดียวกับละครและรายการน้ำเน่าทั้งหลายที่ปรากฏหน้าจอ และในสื่อต่างๆ เบื้องหลังที่แท้จริงคือกระบวนการขับเคลื่อนทางธุรกิจ ภายใต้ระบบเศรษฐกิจเสรีทุนนิยม ที่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพมากกว่าคุณธรรมจริยธรรม ความทันสมัยมากกว่าจารีตประเพณีที่ดีงาม ทุนมากกว่าธรรม แข่งขันมากกว่าแบ่งปัน...

แต่เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะออกมาปกป้องว่าเป็นการสะท้อนความจริงทางสังคม ต้องการให้สังคมรู้ว่า เรื่องเลวๆ ร้ายๆ มันมีอยู่จริง แถมให้เกียรติผู้ชมว่า มีปัญญาและฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสิน นักวิชาเกินไม่ต้องยุ่ง เอ็นจีโอไม่ต้องเกี่ยว ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ไม่ควรมาจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการทำมาหากินที่บริสุทธิ์

แล้วทำไมไม่สะท้อนความจริงทางสังคมที่ดีๆ เพราะผู้ชมเขาก็มีปัญญาและฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี หรือกลัวว่าจะขายไม่ออก ไม่สนุก ไม่มีคนดู โฆษณาไม่เข้า เราอยู่ไม่ได้...

ที่จริงถ้ามีความคิดสร้างสรรค์ มีเทคนิคในการนำเสนอที่แปลกใหม่ เรื่องดีๆ ก็สนุกได้ ตื่นเต้นได้ ท้าทายได้ ขายได้ โฆษณาเข้า เราอยู่ได้...และที่สำคัญอยู่อย่างมีความสุขที่ได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม

ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิด เราก็มีโอกาสได้ความคิดใหม่และกลับกัน เมื่อความคิดเปลี่ยน การกระทำและการพูดก็จะเปลี่ยน หากฐานของการเปลี่ยนแปลงตั้งอยู่บนความรักความเมตตา ยอมรับและเคารพในความเป็นมนุษย์ ยอมรับและเคารพในความแตกต่างไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ ความคิด และวิถีดำเนินชีวิตของกันและกัน การเปลี่ยนแปลง (Change) เหล่านั้นก็จะพัฒนาไปเป็นการเปลี่ยนผ่าน (Transforming) สู่สิ่งใหม่ที่ผนวกควบรวม (Include) สิ่งเดิมที่แตกต่างไว้ แล้วขยาย/คลี่คลายออก (unfolding/transcending) เป็นสิ่งใหม่ ทำนองเดียวกับน้ำที่ประกอบไปด้วยสองสิ่งที่แตกต่างคือไฮโดรเจนกับออกซิเจน แต่น้ำมีคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากทั้งไฮโดรเจนและออกซิเจน

แต่ถ้าเรายังคิดแบบเดิม แบ่งแยก แปลกแยก ไม่สามารถมองเห็นความสัมพันธ์แบบองค์รวมได้ เราก็จะรับรู้แบบแยกส่วนไปเรื่อยๆ แตกต่างกันออกไปเรื่อยๆ เมื่อไม่มีความสันพันธ์ระหว่างกัน สัมพันธภาพก็ไม่เกิด สันติภาพก็ไม่มี

โอซามา บิน ลาเดน วีรบุรุษหรือฮีโร่ของคนจำนวนมาก ก็จะยังคงเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นศัตรูตัวฉกาจต้องถูกสหรัฐตามล่าชีวิตตลอดไป

ส่วนฮีโร่ของผู้ที่เห็นด้วยกับปฏิบัติการนี้ ก็คือทีมปฏิบัติการและโดยเฉพาะผู้ที่ยิงศีรษะของบินลาเดนจนเสียชีวิต แต่ต้องเป็นฮีโร่นิรนามที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้ เพราะเกรงว่าจะถูกตามล่าจากฝ่ายศัตรูและเกรงว่าครอบครัวของฮีโร่จะเป็นอันตราย เพราะฮีโร่ของฝ่ายหนึ่งคือศัตรูของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่น่าเห็นใจที่สุดคือครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต้องรับผลกระทบด้วยกันทั้งคู่

ไม่น่าเชื่อว่าการรับรู้ที่แตกต่างที่มาจากความคิดและความเชื่อที่แตกต่าง จะทำให้โลกใบเดียวกันนี้บิดเบี้ยวไปตามการรับรู้ได้มากมาย จนเกิดความวุ่นวาย ไร้สันติภาพไปทั่ว

ไม่น่าเชื่อว่าสื่อ สื่อสารมวลชน และสื่อสาธารณะ ก็มีส่วนช่วยให้โลกใบเดียวกันนี้ ถูกรับรู้บิดเบี้ยวไป โดยการทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ส่งผ่าน และบางครั้งเป็นกระบอกเสียงให้แหล่งข่าวโดยไม่รู้ตัว หรือไม่รู้เท่าทัน

Back to Top