เสวนากับศัตรู



โดย นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2556

หนังฝรั่งเศสชิงรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำหนังต่างประเทศยอดเยี่ยมปี ค.ศ. ๒๐๐๖ เรื่อง Joyeux Noël หรือ Merry Christmas น่าจะเป็นหนังที่คนไทยหามาดูกันในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่นี้

เผื่อจะบรรเทาความเกลียดชังและอยากฆ่าอีกฝ่ายลงได้บ้าง

หนังเล่าเรื่องคืนก่อนคริสตมาสปี ค.ศ. ๑๙๑๔ เหตุเกิดในสนามเพลาะสงครามโลกครั้งที่ ๑ ระหว่างกองทหารเยอรมันด้านหนึ่ง กับกองทหารสก็อตแลนด์และฝรั่งเศสอีกฟากหนึ่ง กำกับการแสดงโดย Christian Carion ได้นักแสดงสาวชาวเยอรมัน ไดแอน ครูเกอร์ รับบทนักร้องโอเปรา แอนนา ซอเรนเซน

หนังเริ่มเรื่องโดยเล่าถึงตัวละครหลายคน ก่อนที่จะจับภาพไปที่แอนนา นักร้องโอเปราสาวสวยชาวเยอรมัน เธอวิ่งเต้นและจัดการให้ตนเองพร้อมสามีได้ร้องเพลงต่อหน้ามกุฎราชกุมารวิลเฮล์มแห่งปรัสเซียในคืนก่อนคริสต์มาส ด้วยวิธีนี้กองทัพจึงต้องเรียกตัวสามีของเธอ นิโคลัส สปริงค์ นักร้องเสียงเทนเนอร์กลับจากแนวหน้า

นายพลเยอรมันถามแอนนาว่า เธอจะพยายามไปเพียงไรก็ได้สามีกลับมาหาแค่คืนเดียว แอนนาตอบว่าเวลาของพวกเธอเดินช้ากว่าของพวกนายพล

ในตอนแรกนิโคลัสไม่สามารถร้องได้จนจบเพลง อาจจะเป็นเพราะไม่มีกะจิตกะใจจะร้อง หมดกำลังใจ ขาดการฝึกซ้อม หรือสูบบุหรี่มากเกินไป แต่ด้วยความช่วยเหลือและให้กำลังใจจากแอนนาทำให้เขาสามารถร้องเพลงต่อจนจบได้



หลังการแสดงนิโคลัสและแอนนาเดินทางไปที่แนวหน้า

ในคืนก่อนคริสต์มาสอันหนาวเหน็บท่ามกลางทุ่งหิมะขาวโพลน และศพทหารนอนทอดกายทั่วๆ ไป ทหารของทั้งสามชาติได้แต่นั่งนิ่งๆ ในหลุมรอเวลาให้ผ่านไป

ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงเพลง Silent Night ขับร้องโดยนิโคลัสดังขึ้นอย่างไพเราะเป็นที่สุดจากสนามเพลาะฝ่ายเยอรมัน จากนั้นสักครู่หนึ่งจึงมีเสียงปี่สก็อตบรรเลงตามดังมาจากอีกฟากหนึ่ง สร้างความปีติให้แก่ทหารทั้งสามชาติและคนดูหนังเป็นที่ยิ่ง

นิโคลัสเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นยืนร้อง ตอนนี้ศีรษะของเขาพ้นขอบพื้นดินตกเป็นเป้ายิงได้อย่างง่ายดายแล้ว ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนทหารและนายทหารยศร้อยโท จากนั้นนิโคลัสลุกขึ้นไปยืนบนพื้นและเดินออกไปในสนามรบร้องเพลงต่อไป เวลาเดียวกันนั้นทหารฝ่ายสก็อตแลนด์ก็ลุกขึ้นยืนเป่าปี่บนปากหลุมเช่นเดียวกัน

เมื่อเพลงที่สองจบลง ร้อยโทหัวหน้าหน่วยฝ่ายเยอรมันเดินออกไปกลางสนาม ร้อยโทหัวหน้าหน่วยฝ่ายสก็อตแลนด์เดินออกไปบ้าง สองคนยืนคุยกันครู่หนึ่ง ร้อยโทหัวหน้าหน่วยฝ่ายฝรั่งเศสอดรนทนไม่ได้ถือขวดไวน์เดินออกไป นายทหารสามชาติยืนคุยกันแล้วทำสัญญาหยุดยิงในคืนก่อนคริสต์มาส

พลทหารทั้งสามชาติลุกขึ้นจากหลุมออกมานั่งคุยกัน ดื่มไวน์หรือวิสกี้ เล่นไพ่ แลกเปลี่ยนช็อกโกแลต แลกกันดูรูปภาพของครอบครัว และฟังบาทหลวงเทศน์ จากนั้นจึงฟังการขับร้องโอเปราโดยแอนนาอีกครั้งหนึ่ง เสียงเพลงไพเราะแสนหวานก้องกังวานไกลของแอนนาถึงกับทำให้หลายคนรวมทั้งคนดูน้ำตาซึม

ถึงตอนเช้า ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับไปประจำหลุมของตน แต่แล้วกลับชงกาแฟออกมานั่งกินด้วยกัน ทหารทั้งสามชาติช่วยกันเก็บศพเพื่อนทหารไปฝังและทำพิธีให้เรียบร้อยในดินแดนฝั่งของตน จากนั้นจึงเล่นฟุตบอลด้วยกันอีก ปิดท้ายด้วยการแลกเปลี่ยนจดหมายกันและกัน เพราะบางคนมีครอบครัวอยู่ในครอบครองของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อถึงเวลายิงปืนใหญ่จากแนวหลังเพื่อถล่มสนามเพลาะฝ่ายตรงข้าม ทหารทั้งสามชาติแลกเปลี่ยนที่หลบภัยให้แก่กันและกัน

อารมณ์ของหนังพาคนดูมาได้ไกลที่สุดถึงตรงนี้ ด้วยบรรยากาศและเสียงเพลงคริสต์มาสทำให้ทหารของทั้งสามชาติสามารถถอดเครื่องแบบและลัทธิการเมืองการทหารของตนออกไป สามารถหยุดความเกลียดชังและการฆ่ากันอีกทั้งช่วยเหลือกันและกันตามหน้าที่ที่มนุษย์ทั่วไปพึงมี

จดหมายที่พวกเขาแลกเปลี่ยนกันตกถึงมือของกองทัพในที่สุด ทหารทั้งสามหน่วยถูกพิจารณาทำโทษหนักเบาแตกต่างกันไป เพราะได้กระทำการอันเรียกว่า fraternization คือเสวนากับศัตรู

หนังมิได้อ้างว่าสร้างจากเหตุการณ์จริง แต่หนังได้รับแรงบันดาลใจจากจดหมายจำนวนมากที่ทหารแนวหน้าเล่าถึงเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้จากหลายจุดในสนามรบ อันเป็นหลักฐานว่าท่ามกลางสงครามที่คนเรามีหน้าที่ต้องฆ่าฝ่ายตรงข้ามโดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเหตุผลมากนัก คนเราก็สามารถจะหยุดการกระทำนั้นได้เมื่อต้องการ

หากเปิดหน้าเฟซบุ๊กเวลานี้ คนไทยจะพบถ้อยคำเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามมากมาย หลายข้อความเป็นคำหยาบคายหรือดูถูกเหยียดหยามคนที่ไม่เหมือนเราอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะกระทำได้ ความเกลียดชังใครบางคนหรืออะไรบางอย่างถูกกระพือให้กว้างขวางและครอบคลุมไปหมดทุกมิติของความขัดแย้ง โดยมิอาจแยกแยะประเด็นต่างๆ ออกจากกันได้โดยง่ายอีก

เปรียบเสมือนทหารในสนามรบที่ยิงทุกอย่างที่เคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็นต้องแยกแยะ

คนบ้านนอกจำนวนมากเปรียบเสมือนทหารในสนามเพลาะ พวกเขาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายโดยไม่เคยตั้งคำถามอะไร ไม่เคยแม้แต่จะถามว่าตนเองควรได้หรือไม่ควรได้อะไรบ้าง เหตุการณ์เป็นเช่นนี้มานานร้อยปีโดยมิเคยปริปากบ่น ครั้นโลกเปลี่ยนไปทำให้ความเปลี่ยนแปลงเดินทางมาถึง คล้ายๆ เสียงเพลงคริสต์มาสที่ดังมาถึงสนามรบในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ พอลุกขึ้นจะฟังเสียงเพลงเพราะๆ บ้างและขอเพียงสิทธิเลือกตั้งของตนเอง เหตุใดจึงถูกดูหมิ่นเหยียดหยามมากมายนัก เหมือนดั่งทหารทุกคนในเรื่องที่ถูกพิจารณาโทษจากศาลทหารในตอนท้าย

หนังอาจจะหาดูยาก แต่หามาดูเถิดครับ น่าจะทำให้ใจเย็นลงกันได้บ้าง

Back to Top